3. ฟาโรห์จะกล่าวถึงชนชาติอิสราเอลว่า ‘พวกเขาระส่ำระสายบนบก ถิ่นทุรกันดารนั้นปิดกั้นพวกเขาไว้แล้ว’
4. เราจะบันดาลให้ใจฟาโรห์กระด้างไป ฟาโรห์จะไล่ตามพวกเจ้า แล้วเราจะได้รับเกียรติเพราะฟาโรห์และกองกำลังทั้งสิ้นของเขา แล้วคนอียิปต์จะรู้ว่า เราคือยาห์เวห์” คนอิสราเอลก็ทำตามรับสั่งนั้น
5. เมื่อกษัตริย์อียิปต์ทรงทราบว่าประชากรเหล่านั้นหนีไปแล้ว ท่าทีของฟาโรห์และของพวกข้าราชการที่มีต่อประชากรอิสราเอลก็เปลี่ยนไป พวกเขาจึงว่า “ทำไมพวกเราจึงทำอย่างนี้? ทำไมจึงปล่อยพวกอิสราเอลไปจากการรับใช้เราเล่า?”
6. แล้วฟาโรห์ก็ทรงจัดราชรถและนำทัพไป
7. พระองค์ทรงเอารถรบอย่างดี 600 คันกับรถรบอื่นทั้งหมดของอียิปต์ มีนายทหารประจำอยู่ทุกคัน
8. พระยาห์เวห์ทรงให้พระทัยของฟาโรห์กษัตริย์อียิปต์กระด้างไป ฟาโรห์จึงทรงไล่ตามชนชาติอิสราเอลซึ่งเดินออกไปอย่างองอาจ
9. คนอียิปต์ไล่ตามไป มีทั้งม้าและรถรบทั้งสิ้นของฟาโรห์ และทหารม้ากับกองกำลังของท่านมาทันพวกอิสราเอลที่ตั้งค่ายอยู่ริมทะเล ใกล้ปิหะหิโรท หน้าบาอัลเซโฟน
10. เมื่อฟาโรห์ทรงเข้ามาใกล้ ชนชาติอิสราเอลก็เงยหน้าขึ้นดู และนี่แน่ะ ชาวอียิปต์ยกติดตามมา พวกเขาก็หวาดกลัวยิ่งนัก จึงร้องทูลพระยาห์เวห์
11. พวกเขาบอกโมเสสว่า “หลุมฝังศพในอียิปต์ไม่มีหรือ? ท่านจึงพาพวกเราออกมาตายในถิ่นทุรกันดาร ทำไมท่านจึงทำกับเราเช่นนี้คือพาพวกเราออกมาจากอียิปต์?
12. เราบอกท่านในอียิปต์แล้วไม่ใช่หรือว่า ปล่อยพวกเราแต่ลำพัง ให้พวกเรารับใช้คนอียิปต์เถิด เพราะการทำเช่นนั้นก็ยังดีกว่ามาตายในถิ่นทุรกันดาร”
13. โมเสสกล่าวกับประชากรว่า “อย่ากลัวเลย จงยืนนิ่งอยู่ คอยดูความรอดจากพระยาห์เวห์ ซึ่งทรงทำเพื่อพวกท่านในวันนี้ เพราะคนอียิปต์ที่เห็นในวันนี้ พวกท่านจะไม่ได้เห็นอีกตลอดไป
14. พระยาห์เวห์จะทรงรบแทนท่านทั้งหลาย พวกท่านจงสงบอยู่เถิด”
15. พระยาห์เวห์ตรัสกับโมเสสว่า “ทำไมเจ้าจึงมาร้องทุกข์ต่อเรา? จงสั่งชนชาติอิสราเอลให้เดินหน้าต่อไป
16. ส่วนเจ้าจงยกไม้เท้าของเจ้า แล้วยื่นมือออกไปเหนือทะเลและทำให้ทะเลนั้นแยกออก เพื่อคนอิสราเอลจะเดินผ่านทะเลบนดินแห้งได้