13. จงเอาลูกแกะไถ่ลูกลาหัวปี ถ้าไม่ไถ่ก็จงหักคอมันเสีย จงไถ่บุตรชายหัวปีทั้งหมดของท่าน
14. และต่อไปภายหน้า เมื่อบุตรของท่านจะถามว่า ‘ทำไมจึงทำอย่างนี้?’ จงเล่าให้เขาฟังว่า ‘พระยาห์เวห์ทรงนำพวกเราออกจากอียิปต์ คือจากแดนทาสด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์
15. เมื่อพระทัยของฟาโรห์ดื้อไม่ยอมปล่อยพวกเราไป พระยาห์เวห์จึงทรงประหารลูกหัวปีทั้งหมดในแผ่นดินอียิปต์ทั้งของมนุษย์และของสัตว์ เพราะฉะนั้น ข้าจึงถวายสัตว์ตัวผู้ทุกตัวที่ออกจากครรภ์ครั้งแรกแด่พระยาห์เวห์ แต่บุตรชายหัวปีทั้งหมดของข้า ข้าก็ไถ่ไว้’
16. พิธีนี้จะเป็นดังเครื่องหมายที่มือของท่าน และดังสัญลักษณ์ที่หน้าผากของท่าน เพราะพระยาห์เวห์ได้ทรงนำพวกเราออกจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์”
17. เมื่อฟาโรห์ปล่อยประชากรไปแล้ว พระเจ้าไม่ได้ทรงนำพวกเขาไปทางแผ่นดินของคนฟีลิสเตียแม้ว่าจะเป็นทางใกล้ เพราะพระเจ้าตรัสว่า “เกรงว่าเมื่อประชากรไปเผชิญสงครามเข้า พวกเขาจะเปลี่ยนใจและกลับไปยังอียิปต์”
18. พระเจ้าจึงทรงนำประชากรอ้อมไปทางถิ่นทุรกันดารยังทะเลแดง ชนชาติอิสราเอลก็ออกจากแผ่นดินอียิปต์ มีอาวุธพร้อมทำสงคราม
19. โมเสสเอากระดูกของโยเซฟไปด้วย เพราะโยเซฟให้ชนชาติอิสราเอลสาบานเป็นมั่นเหมาะว่า “พระเจ้าจะทรงเยี่ยมเยียนพวกท่านอย่างแน่นอน แล้วพวกท่านจงเอากระดูกของเราไปจากที่นี่ด้วย”
20. พวกเขาออกจากเมืองสุคคท ไปตั้งค่ายที่เอธามซึ่งอยู่ริมถิ่นทุรกันดาร
21. พระยาห์เวห์เสด็จนำทางพวกเขาในเวลากลางวันด้วยเสาเมฆ และในเวลากลางคืนด้วยเสาเพลิง ให้พวกเขามีแสงสว่างเพื่อจะเดินทางได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
22. พระองค์ไม่ได้ทรงให้เสาเมฆในเวลากลางวันและเสาเพลิงในเวลากลางคืนคลาดจากเบื้องหน้าประชากรเลย