5. เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สาม ข้าพเจ้าก็ได้ยินสิ่งมีชีวิตที่สามร้องว่า “มาเถอะ” แล้วข้าพเจ้าเห็น และนี่แน่ะ ม้าสีดำตัวหนึ่งเข้ามา และผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้ถือตราชู
6. แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเหมือนอย่างเสียงพูดดังออกมาจากท่ามกลางสิ่งมีชีวิตทั้งสี่นั้นว่า “ข้าวสาลีราคาลิตรละหนึ่งเดนาริอัน ข้าวบาร์เลย์สามลิตรต่อหนึ่งเดนาริอัน แต่เจ้าอย่าทำอันตรายน้ำมันและเหล้าองุ่น”
7. เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สี่ ข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงสิ่งมีชีวิตที่สี่ร้องว่า “มาเถอะ”
8. แล้วข้าพเจ้าเห็น และนี่แน่ะ ม้าสีกะเลียวตัวหนึ่ง ผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้มีชื่อว่ามัจจุราช และแดนคนตายก็ติดตามมาด้วย พระองค์ทรงให้ทั้งสองนี้มีอำนาจเหนือแผ่นดินโลกหนึ่งในสี่ส่วน ที่จะทำลายได้ด้วยคมดาบ ด้วยความอดอยาก ด้วยโรคระบาด และด้วยสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน
9. เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่ห้า ข้าพเจ้าก็เห็นดวงวิญญาณทั้งหลายที่ใต้แท่นบูชา ซึ่งเป็นวิญญาณของคนทั้งหลายที่ถูกฆ่าเพราะพระวจนะของพระเจ้าและเพราะคำพยานที่เขายึดถือนั้น
10. เขาทั้งหลายร้องเสียงดังว่า “ข้าแต่องค์เจ้านาย ผู้บริสุทธิ์และสัตย์จริง อีกนานเท่าใดพระองค์จึงจะทรงพิพากษา และแก้แค้นต่อคนทั้งหลายที่อยู่บนแผ่นดินโลกซึ่งหลั่งเลือดของเรา”
11. แล้วพระองค์ประทานเสื้อคลุมสีขาวแก่พวกเขาแต่ละคน และทรงบอกให้พักต่อไปอีกหน่อยหนึ่ง จนกว่าผู้ร่วมรับใช้และพี่น้องของเขาจะถูกฆ่าเหมือนอย่างพวกเขาครบจำนวน
12. เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่หก ข้าพเจ้าเห็นแผ่นดินไหวยิ่งใหญ่ ดวงอาทิตย์กลายเป็นสีดำมืด เหมือนกับเสื้อผ้าขนสัตว์ที่ใช้ไว้ทุกข์ และดวงจันทร์วันเพ็ญก็กลายเป็นเหมือนกับสีเลือด
13. และดวงดาวทั้งหลายในท้องฟ้าก็ตกลงมาบนพื้นดิน เหมือนกับต้นมะเดื่อที่ถูกลมแรงพัดจนผลที่ยังไม่สุกหล่นลงมา
14. ท้องฟ้าก็หายไปเหมือนกับหนังสือที่ถูกม้วนเก็บ และภูเขาทุกลูกและเกาะทุกเกาะก็ถูกเคลื่อนไปจากที่เดิม
15. แล้วกษัตริย์ทั้งหลายในโลก พวกคนใหญ่คนโต บรรดานายทหารใหญ่ พวกเศรษฐี พวกผู้มีอำนาจ และทุกคนทั้งที่เป็นทาสหรือเสรีชน ต่างซ่อนตัวอยู่ในถ้ำและโขดหินตามภูเขา
16. พวกเขาร้องบอกกับภูเขาและโขดหินว่า “จงล้มทับเราเถิด จงซ่อนเราไว้ ให้พ้นจากพระพักตร์ของพระองค์ผู้ประทับอยู่บนพระที่นั่ง และจากพระพิโรธของพระเมษโปดก
17. เพราะว่าวันสำคัญแห่งพระพิโรธของพระองค์มาถึงแล้ว และใครจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้เล่า”