3. โยอันนาภรรยาของคูซาซึ่งเป็นหัวหน้ากรมวังของเฮโรด สุสันนา และหญิงคนอื่นๆ อีกหลายคนที่เคยปรนนิบัติพระองค์และสาวกด้วยทรัพย์สิ่งของของพวกนาง
4. เมื่อมหาชนมาอยู่พร้อมกัน และเมื่อผู้คนจากเมืองนั้นเมืองนี้มาหาพระองค์ พระองค์ก็ตรัสเป็นอุปมาว่า
5. “มีคนหนึ่งออกไปหว่านเมล็ดพืช เมื่อเขาหว่าน เมล็ดก็ตกตามหนทาง จึงถูกเหยียบย่ำ และนกในอากาศก็มากินเสีย
6. บ้างตกที่หิน เมื่องอกขึ้นแล้วก็เหี่ยวแห้งไปเพราะที่ไม่ชื้น
7. บ้างตกที่กลางต้นหนาม ต้นหนามก็งอกขึ้นมาปกคลุม
8. บ้างตกที่ดินดี จึงงอกขึ้นเกิดผลร้อยเท่า” เมื่อพระองค์ตรัสอย่างนั้นแล้ว จึงทรงร้องบอกว่า “ใครมีหู จงฟังเถิด”
9. พวกสาวกจึงทูลถามพระองค์ว่าอุปมานั้นหมายความว่าอย่างไร?
10. พระองค์ตรัสว่า “ข้อความลึกลับเรื่องแผ่นดินของพระเจ้านั้นทรงให้พวกท่านรู้ได้ แต่ทรงให้เป็นอุปมาสำหรับคนอื่น เพื่อว่า เมื่อพวกเขาดู ก็จะไม่เห็น และเมื่อพวกเขาฟัง ก็จะไม่เข้าใจ
11. “อุปมานั้นหมายถึงอย่างนี้ เมล็ดพืชหมายถึงพระวจนะของพระเจ้า
12. ที่ตกตามหนทางหมายถึงคนเหล่านั้นที่ได้ยินแล้ว มารมาชิงเอาพระวจนะไปจากใจของเขาเพื่อไม่ให้เขาเชื่อและรับความรอด