3. (เพราะว่าพวกฟาริสีกับพวกยิวทุกคนถือตามคำสอนที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษว่า ถ้าไม่ได้ล้างมือตามพิธีโดยเคร่งครัดแล้ว จะไม่รับประทานอาหารเลย
4. และเมื่อพวกเขามาจากตลาด ถ้าไม่ได้ทำการชำระล้างก่อน พวกเขาก็ไม่รับประทานอาหาร และยังมีธรรมเนียมอื่นๆ อีกหลายอย่างที่พวกเขายึดถือ คือการล้างถ้วย เหยือกและภาชนะทองสัมฤทธิ์)
5. พวกฟาริสีกับพวกธรรมาจารย์จึงทูลถามพระองค์ว่า “ทำไมพวกสาวกของท่านไม่ประพฤติตามคำสอนที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษ แต่กลับรับประทานอาหารด้วยมือที่เป็นมลทิน?”
6. พระองค์ตรัสตอบพวกเขาว่า “อิสยาห์พยากรณ์ถึงพวกท่านคนหน้าซื่อใจคด ก็ถูกต้องแล้วตามที่เขียนไว้ว่า ‘ชนชาตินี้ให้เกียรติเราแต่ปาก ใจของพวกเขาห่างไกลจากเรา
7. พวกเขานมัสการเราโดยเปล่าประโยชน์ เพราะเอากฎเกณฑ์ของมนุษย์มาสอนว่าเป็นพระดำรัสสอน’
8. พวกท่านละทิ้งพระบัญญัติของพระเจ้า และกลับไปยึดถือถ้อยคำของมนุษย์ที่สอนต่อๆ กันมา”
9. พระองค์ตรัสกับพวกเขาว่า “วิเศษจริงนะ ที่พวกท่านได้ละทิ้งพระบัญญัติของพระเจ้า เพื่อจะได้ยึดถือคำสอนที่รับมาจากบรรพบุรุษ
10. เพราะโมเสสสั่งไว้ว่า ‘จงให้เกียรติบิดามารดาของเจ้า’ และ ‘ใครประณามบิดามารดาจะต้องมีโทษถึงตาย’
11. แต่พวกท่านกลับสอนว่า ‘ใครที่กล่าวกับบิดามารดาว่า “ของสิ่งใดของข้าพเจ้าที่อาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน สิ่งนั้นเป็นโกระบาน” ’ (แปลว่าเป็นของถวายแด่พระเจ้าแล้ว)
12. พวกท่านจึงไม่อนุญาตให้คนนั้นเลี้ยงดูบิดามารดาของตนอีกต่อไป
13. พวกท่านจึงทำให้พระวจนะของพระเจ้าเป็นโมฆะด้วยคำสอนจากบรรพบุรุษที่พวกท่านรับและสอนต่อๆ กันมา และพวกท่านก็ทำสิ่งคล้ายๆ กันนี้อีกหลายสิ่ง”
14. แล้วพระองค์ทรงเรียกฝูงชนมาอีก ตรัสกับพวกเขาว่า “พวกท่านทุกคนจงฟังเราและเข้าใจเถิด
15. ไม่มีสิ่งใดภายนอกที่เข้าไปภายในมนุษย์แล้วจะทำให้มนุษย์เป็นมลทินได้ แต่สิ่งที่ออกมาจากภายในมนุษย์นั่นแหละที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน”