45. อาบีเมเลคโจมตีเมืองนั้นตลอดวันจนยึดเมืองได้ และฆ่าฟันประชาชนที่อยู่ในเมืองนั้นเสีย อีกทั้งทำลายเมืองนั้นด้วย แล้วก็หว่านเกลือลงไป
46. เมื่อพวกผู้นำทั้งสิ้นที่หอรบเมืองเชเคมได้ยินเช่นนั้น ก็หนีเข้าไปอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินในวิหารของพระเอลเบรีท
47. มีคนไปเรียนอาบีเมเลคว่า ชาวเมืองทั้งสิ้นที่หอรบเมืองเชเคมมาชุมนุมกันอยู่
48. อาบีเมเลคก็ขึ้นไปบนภูเขาศัลโมน ทั้งตัวเขากับกองทัพทั้งสิ้น อาบีเมเลคถือขวานตัดกิ่งไม้ใส่บ่าแบกมา เขาบอกคนที่อยู่ด้วยว่า “เจ้าเห็นข้าทำอะไร จงรีบไปทำอย่างข้าเถิด”
49. คนทั้งปวงก็ตัดกิ่งไม้แบกตามอาบีเมเลคไปสุมไว้ที่อุโมงค์ใต้ดิน แล้วก็จุดไฟเผา ดังนั้นคนที่หอรบเมืองเชเคมก็ตายหมดทั้งชายและหญิงประมาณ 1,000 คน
50. อาบีเมเลคไปยังเมืองเธเบศตั้งค่ายประชิดเมืองเธเบศไว้ และยึดเมืองนั้นได้
51. แต่ในเมืองมีหอรบแข็งแกร่งแห่งหนึ่ง ชาวเมืองนั้นทั้งหมดทั้งชายและหญิงก็หนีเข้าไปที่นั่นปิดประตูขังตนเองเสีย แล้วก็ขึ้นไปบนหลังคาหอรบ
52. อาบีเมเลคยกมาถึงหอรบนี้ ก็เข้าโจมตีจนเข้ามาใกล้ประตูหอรบได้ เพื่อจะเอาไฟเผา
53. แต่หญิงคนหนึ่งเอาหินโม่แป้งชิ้นบนทุ่มศีรษะอาบีเมเลค ทำให้กะโหลกศีรษะของเขาแตก
54. เขาจึงรีบร้องบอกคนหนุ่มที่ถืออาวุธของเขาว่า “จงชักดาบออกแล้วฆ่าเราเสียเพื่อคนจะไม่พูดว่า ‘ผู้หญิงคนหนึ่งฆ่าเขาตาย’ ” คนหนุ่มนั้นก็แทงเขาทะลุถึงแก่ความตาย
55. เมื่อคนอิสราเอลเห็นว่าอาบีเมเลคสิ้นชีวิตแล้ว ต่างคนก็กลับไปยังที่ของตน
56. ดังนี้แหละพระเจ้าทรงตอบสนองความชั่ว ที่อาบีเมเลคได้ทำต่อบิดาของตน ที่ได้ฆ่าพี่น้อง 70 คนของตนเสีย
57. และพระเจ้าทรงตอบสนองกรรมชั่วทั้งสิ้นของชาวเชเคมบนศีรษะของพวกเขาเอง และคำสาปแช่งของโยธามบุตรเยรุบบาอัลก็ตกอยู่กับเขาทั้งหลาย