19. ถ้าเจ้าทั้งหลายได้ทำด้วยความจริงใจและเที่ยงธรรมต่อเยรุบบาอัล และครอบครัวของท่านในวันนี้ ก็จงชื่นชมในอาบีเมเลคเถิด และให้เขามีความชื่นชมยินดีในเจ้าทั้งหลาย
20. แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ก็ขอให้ไฟออกมาจากอาบีเมเลค เผาผลาญชาวเมืองเชเคมและเบธมิลโล และให้ไฟออกมาจากชาวเมืองเชเคม และจากเบธมิลโลเผาผลาญอาบีเมเลคเสีย”
21. โยธามก็รีบหนีไปยังเบเออร์อาศัยอยู่ที่นั่น เพราะกลัวอาบีเมเลคพี่ชายของตน
22. อาบีเมเลคครอบครองอิสราเอลอยู่ได้ 3 ปี
23. พระเจ้าทรงใช้วิญญาณชั่วเข้าแทรกระหว่างอาบีเมเลคกับชาวเมืองเชเคม ชาวเมืองเชเคมก็กบฏต่ออาบีเมเลค
24. เพื่อทารุณกรรมที่ได้ทำแก่บุตร 70 คนของเยรุบบาอัลจะถูกสนองตอบ และโลหิตของเขาเหล่านั้นจะตกบนอาบีเมเลค พี่น้องผู้ได้ประหารพวกเขาและตกแก่ชาวเมืองเชเคม ผู้สนับสนุนอาบีเมเลคให้ฆ่าพี่น้องของตน
25. ชาวเมืองเชเคมได้วางคนซุ่มซ่อนไว้ต่อสู้อาบีเมเลคที่บนยอดภูเขา พวกเขาก็ปล้นทุกคนที่ผ่านไปมาทางนั้น และมีคนบอกอาบีเมเลคให้ทราบ
26. กาอัลบุตรเอเบดกับญาติๆ ของเขาเข้าไปในเมืองเชเคม และชาวเชเคมไว้เนื้อเชื่อใจเขา
27. เขาทั้งหลายพากันออกไปในสวนเก็บผลองุ่นมาย่ำ ทำการเลี้ยงรื่นเริงและเข้าไปในวิหารแห่งพระของพวกเขา เขาทั้งหลายกินและดื่ม และแช่งด่าอาบีเมเลค
28. กาอัลบุตรเอเบดจึงกล่าวว่า “อาบีเมเลคคือใคร? และเชเคมเป็นใครกันที่เราต้องปรนนิบัติเขา? เขาไม่ใช่บุตรของเยรุบบาอัลหรือ? และเศบุลไม่ใช่เจ้าหน้าที่ผู้ช่วยของเขาหรือ? จงปรนนิบัติคนฮาโมร์ บิดาของเชเคม ทำไมเราต้องปรนนิบัติอาบีเมเลคด้วย?
29. ถ้าคนเมืองนี้อยู่ใต้ปกครองของข้านะ ข้าจะถอดอาบีเมเลคเสีย ข้าจะท้าเอบีเมเลคว่า ‘จงเพิ่มกองทัพของเจ้าขึ้น แล้วออกมาเถิด’ ”
30. พอเศบุลเจ้าเมืองได้ยินถ้อยคำของกาอัลบุตรเอเบดก็โกรธ
31. จึงส่งผู้สื่อสารไปยังอาบีเมเลคที่อารูมาห์กล่าวว่า “นี่แน่ะ กาอัลบุตรเอเบดและญาติๆ ของเขามาที่เมืองเชเคม ยุแหย่เมืองนั้นให้ต่อสู้กับท่าน
32. บัดนี้ขอท่านจงลุกขึ้นในเวลากลางคืน ทั้งท่านและกองทัพที่อยู่กับท่านไปซุ่มคอยอยู่ในทุ่งนา
33. รุ่งเช้าพอดวงอาทิตย์ขึ้น ท่านจงลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ รีบรุกเข้าเมือง และนี่แน่ะ เมื่อกาอัลกับกองทัพที่อยู่กับเขาออกมาต่อสู้ท่าน ท่านจงทำแก่พวกเขาตามแต่โอกาสจะอำนวย”
34. อาบีเมเลค และกองทัพทั้งสิ้นที่อยู่กับเขาก็ลุกขึ้นในเวลากลางคืน แบ่งออกเป็นสี่กองไปซุ่มคอยสู้เมืองเชเคม