29. พวกเขาจึงพูดกันว่า “ใครทำอย่างนี้นะ?” เมื่อเขาทั้งหลายสืบถามแล้ว จึงกล่าวว่า “กิเดโอนบุตรของโยอาชทำสิ่งนี้”
30. แล้วชาวเมืองจึงบอกโยอาชว่า “จงมอบลูกของเจ้ามาให้ประหารชีวิตเสีย เพราะเขาได้พังแท่นของพระบาอัล และโค่นเสาอาเช-ราห์ที่อยู่ข้างแท่นนั้น”
31. แต่โยอาชได้ตอบคนทั้งปวงที่มายืนฟ้องนั้นว่า “ท่านทั้งหลายจะสู้ความแทนพระบาอัลหรือ? จะช่วยพระนั้นหรือ? ใครสู้ความแทนพระบาอัลจะถูกประหารชีวิตในตอนเช้า ถ้าพระบาอัลเป็นพระแท้ ก็ให้สู้ความเองเถิด เพราะมีคนมาพังแท่นของท่าน”
32. ตั้งแต่วันนั้นเขาเรียกกิเดโอนว่า เยรุบบาอัล หมายความว่า “ให้บาอัลสู้ความเอง” เพราะกิเดโอนพังแท่นของท่าน
33. ครั้งนั้นคนมีเดียน และคนอามาเลข และชาวตะวันออกก็รวมกันยกทัพข้ามแม่น้ำจอร์แดนมาตั้งค่ายอยู่ในที่ลุ่มยิสเรเอล
34. แต่พระวิญญาณของพระยาห์เวห์สถิตกับกิเดโอน ท่านก็เป่าเขาสัตว์ เรียกตระกูลอาบีเยเซอร์ให้มาติดตามท่าน
35. และท่านส่งผู้สื่อสารไปทั่วมนัสเสห์ เรียกให้พวกเขายกติดตามท่านไปด้วย และท่านส่งผู้สื่อสารไปยังอาเชอร์ เศบูลุน และนัฟทาลี คนเหล่านั้นก็ขึ้นมาพบพวกท่านด้วย
36. กิเดโอนจึงทูลพระเจ้าว่า “ถ้าพระองค์จะช่วยกู้อิสราเอลด้วยมือของข้าพระองค์ ดังที่พระองค์ตรัสแล้วนั้น
37. นี่แน่ะ ข้าพระองค์ได้วางกลุ่มขนแกะไว้ที่ลานนวดข้าว ถ้ามีน้ำค้างเฉพาะที่กลุ่มขนแกะเท่านั้น ส่วนที่พื้นดินโดยรอบนั้นแห้ง ข้าพระองค์ก็จะทราบว่า พระองค์จะทรงช่วยกู้อิสราเอลด้วยมือของข้าพระองค์ ดังที่พระองค์ตรัสนั้น”
38. แล้วก็เป็นไปดังนั้น เมื่อกิเดโอนตื่นขึ้นในวันรุ่งเช้าก็บีบกลุ่มขนแกะ ท่านบีบน้ำค้างจากกลุ่มขนแกะได้จนเต็มชาม
39. แล้วกิเดโอนทูลพระเจ้าว่า “ขออย่าให้พระพิโรธพลุ่งขึ้นต่อข้าพระองค์ ขอข้าพระองค์ทูลอีกสักครั้งเดียว ขอข้าพระองค์ทดลองด้วยกลุ่มขนแกะนี้อีกครั้งหนึ่งเถิด คราวนี้ขอให้แห้งเฉพาะที่กลุ่มขนแกะ ส่วนที่พื้นดินนั้นให้มีน้ำค้างโดยทั่วไป”
40. ในคืนวันนั้นพระเจ้าก็ทรงทำตามที่ขอ คือกลุ่มขนแกะนั้นแห้งอยู่ แต่มีน้ำค้างอยู่ทั่วพื้นดิน