10. นี่เป็นพันธสัญญาของเราซึ่งพวกเจ้าจะต้องรักษาระหว่างเรากับพวกเจ้า และเชื้อสายต่อมาของเจ้า คือผู้ชายทุกคนจะต้องเข้าสุหนัต
11. เจ้าจงเข้าสุหนัตตัดหนังหุ้มปลายองคชาตของเจ้า นี่จะเป็นหมายสำคัญของพันธสัญญาระหว่างเรากับพวกเจ้า
12. ผู้ชายที่มีอายุแปดวันต้องเข้าสุหนัต คือชายทุกคนตลอดชั่วชาติพันธุ์ของเจ้า เป็นคนที่เกิดในบ้านของเจ้าก็ดี หรือที่เอาเงินซื้อมาจากคนต่างด้าว ซึ่งไม่ใช่เชื้อสายของเจ้าก็ดี
13. ทั้งผู้ที่เกิดในบ้านของเจ้า และที่เอาเงินของเจ้าซื้อมาจะต้องเข้าสุหนัต ดังนี้แหละพันธสัญญาของเราจะได้อยู่ที่เนื้อของพวกเจ้า เป็นพันธสัญญานิรันดร์
14. ชายคนใดที่ไม่ได้เข้าสุหนัต คือไม่ได้เข้าสุหนัตเนื้อหนังด้วยการตัดหนังหุ้มปลายองคชาต จะต้องถูกตัดออกจากชนชาติของเขา เขาได้ละเมิดพันธสัญญาของเรา”
15. พระเจ้าตรัสกับอับราฮัมว่า “ส่วนซารายภรรยาของเจ้านั้น เจ้าอย่าเรียกชื่อนางว่า ซาราย แต่จงเรียกชื่อนางว่า ซาราห์
16. เราจะอวยพรนาง และยิ่งกว่านั้นอีก โดยนางนี่แหละ เราจะให้บุตรชายคนหนึ่งแก่เจ้า เราจะอวยพรนาง และนางจะให้กำเนิดชนหลายชาติ กษัตริย์ของชนหลายชาติจะมาจากนาง”
17. อับราฮัมจึงซบหน้าลงหัวเราะและคิดในใจว่า “ชายผู้มีอายุหนึ่งร้อยปีแล้วจะมีบุตรได้หรือ? ซาราห์ผู้มีอายุเก้าสิบปีแล้วจะคลอดบุตรหรือ?”
18. และอับราฮัมทูลพระเจ้าว่า “โอ ขอให้อิชมาเอลมีชีวิตอยู่เฉพาะพระพักตร์พระองค์”
19. พระเจ้าตรัสว่า “ที่แน่นั้น คือซาราห์ภรรยาของเจ้าจะคลอดบุตรชายคนหนึ่งให้เจ้า และเจ้าจงตั้งชื่อเขาว่า อิสอัค เราจะสถาปนาพันธสัญญาของเราไว้กับเขา เป็นพันธสัญญานิรันดร์แก่เชื้อสายของเขาซึ่งจะตามเขามา
20. ฝ่ายอิชมาเอลนั้นเราฟังเจ้า แล้วเราจะอวยพรเขาและจะทำให้เขามีพงศ์พันธุ์มากมายยิ่ง เขาจะให้กำเนิดเจ้านายสิบสองคน และเราจะทำให้เขาเป็นชาติใหญ่ชาติหนึ่ง
21. ฝ่ายพันธสัญญาของเรา เราจะตั้งไว้กับอิสอัคผู้ซึ่งซาราห์จะคลอดให้แก่เจ้าปีหน้าในฤดูนี้”
22. เมื่อพระองค์ตรัสกับท่านเสร็จแล้ว พระเจ้าก็เสด็จจากอับราฮัมขึ้นไป