7. นางพูดว่า ‘ขอให้ดิฉันเก็บและรวบรวมข้าวที่ตกจากฟ่อนข้าวตามหลังพวกคนเกี่ยวข้าวเถอะค่ะ’ นางก็มาเก็บข้าวตกตั้งแต่เช้าจนถึงเวลานี้ เพิ่งได้พักหน่อยที่บ้าน”
8. แล้วโบอาสจึงพูดกับรูธว่า “ลูกเอ๋ย ขอฟังหน่อย อย่าไปเก็บข้าวตกที่นาอื่น หรือทิ้งนานี้ไป จงอยู่ใกล้ๆ พวกสาวใช้ของฉัน
9. ให้ดูทุ่งนาที่พวกเขากำลังเก็บเกี่ยวกันอยู่ แล้วก็จงติดตามเขาไป ฉันได้สั่งพวกหนุ่มๆ ไม่ให้แตะต้องตัวเจ้า เมื่อเจ้ากระหายน้ำก็ให้ไปที่หม้อน้ำ ดื่มน้ำซึ่งคนหนุ่มๆ ตักไว้”
10. รูธก็ก้มตัวลงซบหน้าลงถึงดินและพูดว่า “ทำไมดิฉันจึงได้รับความโปรดปรานจากท่าน? ที่ท่านเอาใจใส่ดิฉัน ทั้งๆ ที่ดิฉันเป็นเพียงคนต่างด้าว”
11. แต่โบอาสตอบนางว่า “ทุกอย่างที่เจ้าได้ปฏิบัติต่อแม่สามีของเจ้า ตั้งแต่สามีของเจ้าสิ้นชีวิตแล้วนั้น มีคนมาเล่าให้ฉันฟังหมดแล้ว เจ้ายอมจากบิดามารดาและบ้านเกิดเมืองนอนของเจ้า มาอยู่กับชนชาติที่เจ้าไม่รู้จักมาก่อน
12. ขอพระยาห์เวห์ทรงตอบแทนการกระทำของเจ้า และขอให้พระยาห์เวห์พระเจ้าของชนชาติอิสราเอล ซึ่งเจ้าเข้ามาพึ่งพระบารมีของพระองค์นั้น ประทานบำเหน็จบริบูรณ์แก่เจ้า”
13. รูธจึงตอบว่า “ดิฉันได้รับความโปรดปรานจากเจ้านายของดิฉันแล้ว เพราะท่านได้ปลอบใจดิฉัน และพูดคำที่เมตตาต่อสาวใช้ของท่าน ทั้งๆ ที่ดิฉันเองก็ไม่ได้เป็นสาวใช้คนหนึ่งของท่าน”
14. พอถึงเวลารับประทานอาหาร โบอาสก็บอกนางว่า “มานี่เถอะ มารับประทานขนมปังบ้าง และเอาขนมปังมาจิ้มน้ำส้มเถิด” นางจึงนั่งลงข้างๆ พวกคนเกี่ยวข้าว โบอาสส่งข้าวคั่วให้ และนางก็รับประทานจนอิ่ม และยังมีเหลือบ้าง
15. เมื่อนางลุกขึ้นไปเก็บข้าวตก โบอาสก็สั่งพวกชายหนุ่มของท่านว่า “จงให้นางเก็บข้าวตกระหว่างฟ่อนข้าวเถอะ อย่าได้ตำหนินางเลย
16. จงพยายามดึงข้าวออกจากฟ่อนทิ้งไว้ให้นางเก็บบ้าง อย่าว่านางเลย”
17. นางก็เที่ยวเก็บข้าวที่ตกในนาจนถึงเวลาเย็น แล้วก็ฟาดข้าวที่เก็บมาได้นั้น ได้ข้าวบาร์เลย์ประมาณ 10 กิโลกรัม