12. คนทั้งหลายจึงพาชายหนุ่มที่ยังมีชีวิตอยู่กลับไป และพวกเขาก็ได้รับการหนุนใจไม่น้อยเลย
13. เราลงเรือก่อนและแล่นเรือไปยังเมืองอัสโสส ตั้งใจว่าจะไปรับเปาโลที่นั่น เพราะท่านสั่งไว้อย่างนั้นเนื่องจากท่านเองตั้งใจไปทางบก
14. เมื่อท่านพบเราที่เมืองอัสโสสแล้ว เราก็รับท่านขึ้นมาแล้วไปยังเมืองมิทิเลนี
15. หลังจากออกจากที่นั่นได้วันหนึ่ง ก็มาถึงยังบริเวณฝั่งตรงข้ามเกาะคิโอส พอวันที่สองมาถึงเกาะสามอส และอีกวันหนึ่งมาถึงเมืองมิเลทัส
16. เพราะเปาโลตัดสินใจว่าจะแล่นผ่านเมืองเอเฟซัสไป เพื่อจะไม่ต้องเสียเวลาในแคว้นเอเชีย ท่านต้องการรีบไปให้ถึงกรุงเยรูซาเล็ม ถ้าเป็นได้ให้ทันวันเพ็นเทคอสต์
17. เปาโลจึงส่งคนจากเมืองมิเลทัสไปยังเมืองเอเฟซัสเพื่อเชิญบรรดาผู้ปกครองในคริสตจักรนั้นมา
18. เมื่อมาแล้วเปาโลจึงกล่าวว่า“ท่านทั้งหลายย่อมทราบอยู่แล้วว่า ข้าพเจ้าประพฤติอย่างไรตลอดเวลาที่อยู่กับท่านนับตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาในแคว้นเอเชีย
19. ข้าพเจ้ารับใช้องค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยความถ่อมใจและด้วยน้ำตา ต้องทนต่อการทดลองที่มาถึงตัวเองอันเนื่องจากแผนร้ายของพวกยิว
20. สิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งเป็นคุณประโยชน์ต่อพวกท่าน ข้าพเจ้าไม่ได้ละเว้นที่จะทำ แต่ประกาศกับพวกท่านและสั่งสอนพวกท่านทั้งในที่ชุมนุมชนและตามบ้านเรือน
21. เป็นพยานทั้งกับพวกยิวและพวกกรีกเรื่องการกลับใจมาหาพระเจ้าและเรื่องความเชื่อในพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา
22. นี่แน่ะ บัดนี้พระวิญญาณทรงนำข้าพเจ้าให้ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม ไม่ทราบว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับข้าพเจ้าที่นั่นบ้าง
23. ยกเว้นสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพยานกับข้าพเจ้าในทุกๆ เมืองว่าเครื่องจำจองและความยากลำบากกำลังคอยข้าพเจ้าอยู่
24. แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ถือว่าชีวิตของข้าพเจ้าเป็นสิ่งมีค่าสำหรับตัวเอง ขอแต่เพียงให้ข้าพเจ้าได้ทำหน้าที่ของข้าพเจ้าและทำพันธกิจที่ได้รับจากพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าให้สำเร็จ คือการเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐที่สำแดงพระคุณของพระเจ้า
25. นี่แน่ะ บัดนี้ข้าพเจ้าทราบว่า ไม่มีใครในพวกท่านซึ่งเป็นผู้ที่ข้าพเจ้าเที่ยวป่าวประกาศแผ่นดินของพระเจ้าให้นั้น จะได้เห็นหน้าข้าพเจ้าอีก
26. เพราะฉะนั้นในวันนี้ข้าพเจ้าขอยืนยันต่อท่านทั้งหลายว่า แม้ท่านทุกคนจะหลงหายไป ข้าพเจ้าก็พ้นโทษแล้ว