16. บัดนี้ ข้าพเจ้าได้กลายเป็นศัตรูของท่านทั้งหลาย เพราะข้าพเจ้าบอกท่านทั้งหลายอย่างตรงไปตรงมาหรือ?
17. คนเหล่านั้นเอาอกเอาใจท่านทั้งหลายแต่ไม่ใช่ด้วยความหวังดีเลย พวกเขาอยากจะกีดกันพวกท่าน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้เอาอกเอาใจพวกเขา
18. การเอาอกเอาใจด้วยความหวังดีก็เป็นการดีตลอดไป ไม่ใช่เฉพาะแต่เมื่อข้าพเจ้าอยู่กับพวกท่านเท่านั้น
19. ลูกน้อยของข้าพเจ้าเอ๋ย ข้าพเจ้าต้องเจ็บครรภ์เพราะท่านทั้งหลายอีก จนกว่าพระคริสต์จะได้ทรงก่อร่างขึ้นในตัวท่าน
20. ข้าพเจ้าปรารถนาจะอยู่กับพวกท่านเดี๋ยวนี้ และเปลี่ยนน้ำเสียงของข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้ามีข้อสงสัยในตัวท่านทั้งหลาย
21. ท่านทั้งหลายผู้ที่อยากอยู่ใต้ธรรมบัญญัติ บอกข้าพเจ้าเถิด ท่านไม่ได้ฟังธรรมบัญญัติหรือ?
22. เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่าอับราฮัมมีบุตรสองคน คนหนึ่งเกิดจากหญิงทาส อีกคนหนึ่งเกิดจากหญิงที่เป็นไท
23. บุตรที่เกิดจากหญิงทาสนั้นก็เกิดตามปกติ แต่บุตรที่เกิดจากหญิงที่เป็นไทนั้นเกิดตามพระสัญญา
24. ข้อความนี้เป็นอุปไมย ผู้หญิงสองคนนั้นได้แก่พันธสัญญาสองอย่าง คนหนึ่งมาจากภูเขาซีนาย คลอดลูกเป็นทาส คือนางฮาการ์
25. นางฮาการ์นั้นได้แก่ภูเขาซีนายในอาระเบีย เล็งถึงกรุงเยรูซาเล็มปัจจุบัน เพราะว่ากรุงนี้กับพลเมืองเป็นทาสอยู่
26. แต่ว่าเยรูซาเล็มซึ่งอยู่เบื้องบนนั้น เป็นไท เป็นมารดาของเรา
27. เพราะว่ามีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “จงชื่นชมยินดีเถิด โอหญิงหมันเอ๋ย ผู้ไม่คลอดบุตร จงเปล่งเสียงโห่ร้อง เจ้าผู้ไม่เจ็บครรภ์ เพราะว่าบุตรของแม่ร้าง ก็ยังมีมากกว่าบุตรของหญิงที่มีสามี”
28. พี่น้องทั้งหลาย เราเป็นบุตรแห่งพระสัญญาเช่นเดียวกับอิสอัค
29. แต่ในครั้งนั้น ผู้ที่เกิดตามปกติได้ข่มเหงผู้ที่เกิดตามพระวิญญาณอย่างไร ปัจจุบันนี้ก็เหมือนกันอย่างนั้น
30. แต่พระคัมภีร์ว่าอย่างไร? ก็ว่า “จงไล่หญิงทาสกับบุตรชายของนางไปเสีย เพราะว่าบุตรของหญิงทาสจะรับมรดกร่วมกับบุตรของหญิงที่เป็นไทไม่ได้”
31. เพราะฉะนั้น พี่น้องทั้งหลาย เราไม่ใช่บุตรของหญิงทาส แต่เป็นบุตรของหญิงที่เป็นไท