15. เพราะฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ผู้ปรนนิบัติของซาตาน จะปลอมตัวเป็นผู้ปรนนิบัติของความชอบธรรม บั้นปลายของพวกเขาจะเป็นไปตามการกระทำของเขา
16. ข้าพเจ้าขอพูดซ้ำว่าอย่าให้ใครคิดว่าข้าพเจ้าเป็นคนโง่เขลา แต่ถ้าพวกท่านคิดว่าข้าพเจ้าเป็นเช่นนั้น ก็จงยอมรับข้าพเจ้าอย่างคนโง่เขลาเถิด เพื่อว่าข้าพเจ้าจะอวดได้บ้าง
17. (การที่ข้าพเจ้าพูดอย่างนั้น ข้าพเจ้าไม่ได้พูดตามหลักขององค์พระผู้เป็นเจ้า แต่พูดอย่างคนโง่เขลาที่อวดด้วยความมั่นใจตัวเอง
18. เพราะในเมื่อหลายๆ คนอวดตามเนื้อหนัง ข้าพเจ้าก็จะอวดบ้าง)
19. เพราะว่าการที่พวกท่านอดกลั้นต่อคนโง่เขลาทั้งหลายด้วยความยินดีนั้น คงจะเป็นเพราะท่านฉลาดสิ
20. เพราะว่าพวกท่านช่างอดกลั้นจริงๆ เมื่อมีใครมาเอาท่านไปเป็นทาส หรือมีใครมาเอาท่านไปเป็นเหยื่อ และเมื่อมีใครมาเอาเปรียบพวกท่าน หรือมีใครยกตัวเองขึ้นเป็นใหญ่ หรือมีใครตบหน้าพวกท่าน
21. ข้าพเจ้าต้องพูดด้วยความละอายว่า เราเองอ่อนแอเกินไปในเรื่องนี้แต่ว่าใครกล้าอวดในเรื่องใด (ข้าพเจ้าพูดอย่างคนโง่เขลา) ข้าพเจ้าก็กล้าอวดเรื่องนั้นเหมือนกัน
22. พวกเขาเป็นชาติฮีบรูหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนกัน เขาเป็นชนชาติอิสราเอลหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนกัน พวกเขาเป็นพงศ์พันธุ์ของอับราฮัมหรือ ข้าพเจ้าก็เป็นเหมือนกัน
23. เขาเป็นคนปรนนิบัติของพระคริสต์หรือ ข้าพเจ้าเป็นดีกว่าพวกเขาเสียอีก (ข้าพเจ้าพูดอย่างคนบ้า) ข้าพเจ้าตรากตรำยิ่งกว่าพวกเขา ข้าพเจ้าติดคุกมากกว่าพวกเขา ข้าพเจ้าถูกโบยตีมากมาย ข้าพเจ้าหวิดตายบ่อยๆ
24. พวกยิวเฆี่ยนข้าพเจ้าห้าครั้ง ครั้งละสามสิบเก้าที
25. ข้าพเจ้าถูกตีด้วยไม้สามครั้ง ถูกก้อนหินขว้างครั้งหนึ่ง ข้าพเจ้าเผชิญภัยเรือแตกสามครั้ง ข้าพเจ้าลอยอยู่ในทะเลวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง
26. ข้าพเจ้าเดินทางบ่อยๆ ข้าพเจ้าเผชิญภัยในแม่น้ำ เผชิญโจรภัย เผชิญภัยจากชนชาติของข้าพเจ้าเอง เผชิญภัยจากคนต่างชาติ เผชิญภัยในเมือง เผชิญภัยในป่า เผชิญภัยในทะเล เผชิญภัยจากพี่น้องจอมปลอม