13. ในระหว่างนั้นคนยูดาห์ทั้งหมดก็ยืนอยู่เฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์พร้อมกับภรรยาลูกและเด็กเล็กๆ ของเขา
14. และในท่ามกลางที่ประชุมนั้น พระวิญญาณของพระยาห์เวห์เสด็จมาเหนือยาฮาซีเอลบุตรเศคาริยาห์ ผู้เป็นบุตรเบไนยาห์ ผู้เป็นบุตรเยอีเอล ผู้เป็นบุตรมัทธานิยาห์ เขาเป็นคนเลวีเชื้อสายของอาสาฟ
15. และเขาพูดว่า “ยูดาห์ทั้งหมดและบรรดาชาวเยรูซาเล็ม ทั้งพระราชาเยโฮชาฟัท ขอจงฟัง พระยาห์เวห์ตรัสดังนี้กับท่านทั้งหลายว่า ‘อย่ากลัว และอย่าท้อแท้เพราะคนมากมายเหล่านี้เลย เพราะการรบนั้นไม่ใช่เรื่องของท่าน แต่เป็นของพระเจ้า
16. พรุ่งนี้เช้าจงลงไปต่อสู้กับพวกเขา นี่แน่ะ เขาทั้งหลายจะยกขึ้นมาตามทางขึ้นที่ตำบลศิส พวกท่านจะพบกับพวกเขาที่ปลายหุบเขาทางด้านหน้าของถิ่นทุรกันดารเยรูเอล
17. ท่านทั้งหลายไม่ต้องต่อสู้ในการรบครั้งนี้ โอ ยูดาห์ และเยรูซาเล็ม จงเข้าประจำที่ ยืนนิ่งและมองดูชัยชนะของพระยาห์เวห์เพื่อพวกท่าน’ อย่ากลัวและอย่าท้อแท้ พรุ่งนี้จงออกไปสู้กับพวกเขาและพระยาห์เวห์จะสถิตกับท่านทั้งหลาย”
18. แล้วเยโฮชาฟัททรงก้มลงและซบพระพักตร์ของพระองค์ลงถึงดิน และยูดาห์ทั้งหมดกับชาวเยรูซาเล็มก็กราบลงเฉพาะพระพักตร์พระยาห์เวห์ นมัสการพระองค์
19. และคนเลวี จากพงศ์พันธุ์โคฮาทและพงศ์พันธุ์โคราห์ ก็ยืนขึ้นสรรเสริญพระยาห์เวห์พระเจ้าแห่งอิสราเอลด้วยเสียงดังมาก
20. เขาทั้งหลายลุกขึ้นแต่เช้าและออกไปยังถิ่นทุรกันดารเทโคอา และเมื่อเขาออกไป เยโฮชาฟัททรงยืนและตรัสว่า “ยูดาห์และชาวเยรูซาเล็มเอ๋ย จงฟังข้าพเจ้า จงวางใจในพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่านทั้งหลาย แล้วท่านจะได้รับความมั่นคง จงเชื่อบรรดาผู้เผยพระวจนะของพระองค์ แล้วท่านจะได้รับความสำเร็จ”
21. และเมื่อพระองค์ทรงปรึกษากับประชาชนแล้ว พระองค์ทรงแต่งตั้งพวกที่จะร้องเพลงถวายพระยาห์เวห์ และสรรเสริญพระองค์ผู้ทรงไว้ด้วยความบริสุทธิ์ ขณะเมื่อพวกเขาเดินนำหน้ากองทัพออกไปและร้องว่า“จงขอบพระคุณพระยาห์เวห์เพราะความรักมั่นคงของพระองค์ดำรงอยู่เป็นนิตย์”
22. และเมื่อเขาทั้งหลายเริ่มร้องเพลงและสรรเสริญ พระยาห์เวห์ทรงให้มีกองซุ่มต่อสู้กับคนอัมโมน คนโมอับ และชาวภูเขาเสอีร์ ซึ่งเข้ามาสู้กับยูดาห์ และพวกเขาก็ถูกตีแตกไป
23. เพราะว่าคนของอัมโมนและคนโมอับหันไปต่อสู้กับชาวภูเขาเสอีร์ และทำลายพวกเขาจนหมดสิ้น และเมื่อเขาทั้งหลายทำลายชาวเสอีร์หมดแล้ว พวกเขาก็ช่วยกันทำลายซึ่งกันและกัน
24. เมื่อยูดาห์ขึ้นไปยังจุดเฝ้ามองในถิ่นทุรกันดาร เขาทั้งหลายมองตรงไปที่คนมากมายนั้น และ ดูสิ มีแต่ศพนอนอยู่บนแผ่นดิน ไม่มีสักคนเดียวที่รอดไปได้
25. เมื่อเยโฮชาฟัทและประชาชนของพระองค์มาเก็บของริบจากพวกนั้น เขาทั้งหลายพบข้าวของจำนวนมากในพวกนั้น ทั้งเสื้อผ้า และของมีค่าต่างๆ ซึ่งพวกเขาเก็บสำหรับตัวเองจนกว่าเขาจะขนไปไม่ไหว พวกเขาใช้เวลาเก็บของริบสามวัน เพราะมีมากเหลือเกิน
26. และวันที่สี่เขาทั้งหลายชุมนุมกันที่หุบเขาเบราคาห์ เพราะว่าพวกเขาสรรเสริญพระยาห์เวห์ที่นั้น เพราะเหตุนี้ เขาจึงเรียกที่นั้นว่าเบราคาห์จนถึงทุกวันนี้
27. แล้วคนยูดาห์และเยรูซาเล็มทุกคนก็กลับไป โดยมีเยโฮชาฟัททรงนำหน้า พวกเขากลับไปยังกรุงเยรูซาเล็มด้วยความชื่นบาน เพราะพระยาห์เวห์ทรงทำให้พวกเขาเปรมปรีดิ์เย้ยศัตรูของเขา
28. เขาทั้งหลายมายังกรุงเยรูซาเล็มด้วยพิณใหญ่ พิณเขาคู่และแตร มาถึงพระนิเวศของพระยาห์เวห์
29. และความเกรงกลัวพระเจ้ามาอยู่ในอาณาจักรทุกแห่งของดินแดนทั้งหลาย เมื่อพวกเขาได้ยินว่าพระยาห์เวห์ทรงต่อสู้กับศัตรูของอิสราเอล
30. อาณาจักรของเยโฮชาฟัทจึงสงบ เพราะว่าพระเจ้าของพระองค์ประทานให้พระองค์มีการพักสงบอยู่รอบด้าน
31. เยโฮชาฟัททรงครองยูดาห์ พระองค์มีพระชนมายุ 35 พรรษาเมื่อทรงเป็นกษัตริย์ และพระองค์ทรงครองราชย์ในกรุงเยรูซาเล็ม 25 ปี พระราชมารดาของพระองค์มีพระนามว่าอาซูบาห์ บุตรหญิงของชิลหิ
32. พระองค์ทรงดำเนินตามทางของอาสาพระราชบิดาของพระองค์ และไม่ได้ทรงหันเหจากทางนั้น พระองค์ทรงทำสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระยาห์เวห์