4. ดาวิดก็ทรงส่งพวกผู้สื่อสารไป และเขาก็นำนางมา นางมาเฝ้าพระองค์ แล้วพระองค์ทรงหลับนอนกับนาง (พอดีนางได้ชำระตัวจากมลทินของนางแล้ว) แล้วนางก็กลับไปบ้านของนาง
5. ผู้หญิงนั้นก็ตั้งครรภ์ นางจึงส่งคนไปทูลดาวิดให้ทรงทราบว่า “หม่อมฉันตั้งครรภ์แล้ว”
6. ดาวิดทรงส่งคนไปหาโยอาบบอกว่า “จงส่งอุรียาห์คนฮิตไทต์มาให้เรา” โยอาบก็ส่งอุรียาห์ไปให้ดาวิด
7. เมื่ออุรียาห์มาเฝ้าพระองค์ ดาวิดรับสั่งถามว่าโยอาบเป็นอย่างไรบ้าง? พวกทหารเป็นอย่างไร? การสงครามเป็นอย่างไร?
8. แล้วดาวิดรับสั่งกับอุรียาห์ว่า “จงลงไปบ้านของเจ้า และล้างเท้าของเจ้าเสีย” อุรียาห์ก็ออกไปจากพระราชวัง และมีคนนำของประทานจากพระราชาตามหลังเขาไปด้วย
9. แต่อุรียาห์นอนที่ประตูพระราชวัง พร้อมกับมหาดเล็กทั้งหมดของเจ้านายของเขาและไม่ได้ลงไปที่บ้านของเขา
10. เมื่อพวกเขาทูลดาวิดให้ทรงทราบว่า “อุรียาห์ไม่ได้ลงไปที่บ้านของเขา พ่ะย่ะค่ะ” ดาวิดรับสั่งแก่อุรียาห์ว่า “เจ้าเดินทางมาไม่ใช่หรือ? ทำไมไม่ลงไปบ้านของเจ้า?”
11. อุรียาห์ทูลตอบดาวิดว่า “หีบพันธสัญญาและอิสราเอลกับยูดาห์อาศัยในเพิง โยอาบเจ้านายของข้าพระบาทกับบรรดาข้าราชการของเจ้านายของข้าพระบาทตั้งค่ายอยู่ที่พื้นทุ่ง ส่วนข้าพระบาทเองจะไปบ้าน ไปกิน ไปดื่ม และนอนกับภรรยาของข้าพระบาทหรือ พ่ะย่ะค่ะ? ฝ่าพระบาททรงพระชนม์อยู่และชีวิตของฝ่าพระบาททรงมีอยู่แน่ฉันใด ข้าพระบาทจะไม่ทำอย่างนี้เลย”
12. แล้วดาวิดก็รับสั่งแก่อุรียาห์ว่า “วันนี้ก็ค้างเสียที่นี่เถิด พรุ่งนี้เราจะส่งเจ้าไป” อุรียาห์ก็ค้างอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มในวันนั้นและวันต่อมา
13. ดาวิดทรงเรียกเขามา เขาก็มารับประทานและดื่มเฉพาะพระพักตร์ และพระองค์ทรงทำให้เขามึนเมา ในตอนเย็นเขาก็ออกไปนอนกับพวกข้าราชการของเจ้านายของเขา แต่ไม่ได้ลงไปบ้านของเขา
14. พอรุ่งเช้าดาวิดทรงเขียนถึงโยอาบ และส่งไปกับมืออุรียาห์
15. ดาวิดทรงเขียนจดหมายนั้นว่า “จงตั้งอุรียาห์ให้อยู่กองหน้าของการรบที่ดุเดือดที่สุด แล้วให้พวกเจ้าถอยไปจากเขาเพื่อให้เขาถูกฆ่าตาย”
16. เมื่อโยอาบกำลังเฝ้าล้อมเมืองอยู่ ท่านจึงกำหนดให้อุรียาห์ไปที่ที่ท่านทราบว่ามีพวกทหารเข้มแข็งที่นั่น