5. เรามีสิทธิ์พาพี่น้องซึ่งเป็นภรรยาไปด้วยเหมือนอย่างบรรดาอัครทูตอื่นๆ น้องๆ ขององค์พระผู้เป็นเจ้า และเคฟาสไม่ใช่หรือ?
6. เฉพาะข้าพเจ้าและบารนาบัสเท่านั้นที่ไม่มีสิทธิ์เลิกทำงานหาเลี้ยงชีพหรือ?
7. ใครบ้างที่เป็นทหารด้วยค่าจ้างของตัวเอง? ใครบ้างที่ทำสวนองุ่นและไม่กินผลองุ่นในสวนนั้น? ใครบ้างที่เลี้ยงฝูงแกะและไม่กินน้ำนมของฝูงแกะนั้น?
8. ข้าพเจ้ากล่าวอย่างนี้ตามวิสัยของมนุษย์หรือ? ธรรมบัญญัติก็กล่าวอย่างนี้ด้วยไม่ใช่หรือ?
9. เพราะว่าในธรรมบัญญัติของโมเสสมีเขียนไว้ว่า “อย่าเอาตะกร้อครอบปากวัวเมื่อมันกำลังนวดข้าวอยู่” พระเจ้าทรงเป็นห่วงวัวหรือ?
10. พระองค์ตรัสเพื่อเราโดยเฉพาะไม่ใช่หรือ? ข้อความนั้นเขียนไว้เพื่อเรา แสดงว่าคนที่ไถนาสมควรจะไถด้วยความหวัง และคนที่นวดข้าวก็สมควรจะนวดด้วยความหวังว่าจะได้รับประโยชน์
11. ถ้าเราหว่านปัจจัยฝ่ายจิตวิญญาณให้แก่พวกท่าน แล้วจะมากไปหรือที่เราจะเกี่ยวปัจจัยฝ่ายกายจากท่าน
12. ถ้าคนอื่นมีสิทธิ์ได้รับประโยชน์จากท่านทั้งหลาย เราก็มีสิทธิ์ยิ่งกว่านั้นอีกไม่ใช่หรือ?แต่ถึงกระนั้น เราก็ไม่ได้ใช้สิทธิ์นี้เลย แต่เรายอมทนทุกอย่างเพื่อเราจะไม่วางสิ่งกีดขวางใดๆ ต่อข่าวประเสริฐของพระคริสต์
13. ท่านรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพวกที่ทำงานต่างๆ ของพระวิหารก็กินอาหารของพระวิหาร และพวกรับใช้ที่แท่นบูชาก็รับส่วนแบ่งจากเครื่องบูชานั้น
14. ทำนองเดียวกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงสั่งไว้ว่า คนที่ประกาศข่าวประเสริฐควรได้รับการเลี้ยงชีพด้วยข่าวประเสริฐ
15. แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ใช้สิทธิ์เหล่านี้เลย และข้าพเจ้าไม่ได้เขียนเช่นนี้เพื่อให้เขาทำอย่างนั้นกับข้าพเจ้า เพราะว่าข้าพเจ้ายอมตายดีกว่าที่จะให้ใครทำลายเหตุแห่งการอวดของข้าพเจ้า
16. เพราะว่าถ้าข้าพเจ้าประกาศข่าวประเสริฐ ข้าพเจ้าก็ไม่มีเหตุที่จะอวดได้ เพราะว่าข้าพเจ้าจำต้องทำ และถ้าไม่ประกาศ วิบัติจะเกิดกับข้าพเจ้า
17. เพราะถ้าข้าพเจ้าประกาศด้วยความสมัครใจ ก็จะได้บำเหน็จ แต่ถ้าไม่สมัครใจ ภารกิจนี้ก็ทรงมอบให้แล้ว