19. ส่วนบัวซึ่งอยู่บนยอดเสาที่อยู่ในเฉลียงนั้นเป็นดอกพลับพลึง สูง 1.8 เมตร
20. บัวอยู่บนเสาสองต้นนั้น และอยู่เหนือคิ้วซึ่งอยู่ถัดตาข่ายด้วย มีลูกทับทิมสองร้อยลูกอยู่ล้อมรอบเป็นสองแถว บัวหัวเสาอีกอันหนึ่งก็มีเหมือนกัน
21. ท่านตั้งเสาไว้ที่เฉลียงพระวิหาร ท่านตั้งเสาข้างขวาไว้ และเรียกชื่อว่ายาคีน และท่านตั้งเสาข้างซ้ายไว้ เรียกชื่อว่าโบอัส
22. และบนยอดเสาเหล่านั้นเป็นลายดอกพลับพลึง ดังนั้นงานสร้างเสาก็เสร็จสมบูรณ์
23. แล้วฮูรามได้หล่ออ่างสาคร วัดจากขอบหนึ่งไปถึงอีกขอบหนึ่งได้ 4.5 เมตร สูง 2.25 เมตร และวัดโดยรอบได้ 13.5 เมตร
24. ใต้ขอบได้หล่อเป็นรูปน้ำเต้าสิบลูกทุก 45 เซนติเมตรอยู่รอบอ่างสาคร รูปน้ำเต้ามีสองแถวและหล่อเป็นชิ้นเดียวกันกับอ่าง
25. อ่างสาครนั้นตั้งอยู่บนวัวสิบสองตัว โดยสามตัวหันหน้าไปทิศเหนือ สามตัวหันหน้าไปทิศตะวันตก สามตัวหันหน้าไปทิศใต้ และสามตัวหันหน้าไปทิศตะวันออก เขาวางอ่างสาครบนวัว โดยให้ส่วนหลังของวัวทุกตัวอยู่ด้านใน
26. อ่างหนา 7.5 เซนติเมตร ที่ขอบอ่างทำเหมือนขอบถ้วยเหมือนดอกพลับพลึงกำลังบาน อ่างมีความจุสี่หมื่นลิตร
27. ฮูรามทำแท่นทองสัมฤทธิ์สิบแท่น แต่ละแท่นยาว 1.8 เมตร กว้าง 1.8 เมตร สูง 1.3 เมตร
28. ลักษณะของแท่นเป็นอย่างนี้ แท่นมีแผง แผงนี้ฝังอยู่ในกรอบ
29. บนแผงที่ฝังอยู่ในกรอบนั้นมีรูปสิงโต วัว และเครูบ บนกรอบที่อยู่บนและล่างสิงโตและวัว มีฐานที่ลวดลายเป็นมาลัยย้อย
30. แท่นแต่ละแท่นมีล้อทองสัมฤทธิ์สี่ล้อกับเพลาทองสัมฤทธิ์ ที่มุมทั้งสี่มีที่รองรับอ่างเล็ก ที่รองรับนั้นถูกหล่อโดยมีมาลัยห้อยทุกข้าง
31. ช่องเปิดอยู่ในบัวหงาย ซึ่งยื่นขึ้นไป 45 เซนติเมตร ช่องเปิดนั้นกลมอย่างที่เขาทำฐาน กว้าง 66 เซนติเมตร ตรงช่องเปิดมีลายสลัก และแผงนั้นเป็นสี่เหลี่ยมไม่กลม
32. ล้อทั้งสี่อยู่ใต้แผง เพลาล้อนั้นติดกับแท่นล้ออันหนึ่งสูง 66 เซนติเมตร
33. ล้อนั้นเขาทำเหมือนล้อรถรบ ทั้งเพลา ขอบล้อ ซี่ล้อ และดุมล้อก็หล่อออกมาทั้งสิ้น
34. แต่ละแท่นมีที่รองรับอยู่ที่มุมทั้งสี่ ที่รองรับนั้นหล่อเป็นชิ้นเดียวกับแท่น