15. และเอลียาห์กล่าวว่า “พระยาห์เวห์จอมทัพผู้ที่ข้าพเจ้าปรนนิบัติ ทรงพระชนม์อยู่แน่นอนฉันใด ข้าพเจ้าจะปรากฏตัวแก่อาหับในวันนี้แน่นอนฉันนั้น”
16. โอบาดีห์จึงไปเฝ้าอาหับและทูลพระองค์ อาหับก็เสด็จไปพบเอลียาห์
17. และต่อมา เมื่ออาหับทอดพระเนตรเห็นเอลียาห์ อาหับก็ตรัสกับท่านว่า “เจ้านี่เองหรือ? ผู้ทำความลำบากให้อิสราเอล”
18. และท่านจึงทูลว่า “ข้าพระบาทไม่ได้ทำความลำบากแก่อิสราเอล แต่ฝ่าพระบาทและราชวงศ์บิดาของฝ่าพระบาทต่างหากได้ทรงกระทำ เพราะพวกฝ่าพระบาทได้ทอดทิ้งพระบัญญัติของพระยาห์เวห์ และติดตามบรรดาพระบาอัล
19. เพราะฉะนั้น ขอทรงสั่งให้รวบรวมชนอิสราเอลทั้งสิ้น มาพบข้าพระบาทที่ภูเขาคารเมล ทั้งผู้เผยพระวจนะของพระบาอัล 450 คนกับผู้เผยพระวจนะของพระอาเช-ราห์ 400 คนนั้น ผู้รับประทานที่โต๊ะเสวยของพระนางเยเซเบล”
20. ดังนั้น อาหับทรงส่งข่าวไปยังคนอิสราเอลทั้งหมด และชุมนุมผู้เผยพระวจนะที่ภูเขาคารเมล
21. และเอลียาห์ก็เข้ามาใกล้ประชาชนทั้งปวง กล่าวว่า “ท่านทั้งหลายจะลังเลใจอยู่ระหว่างสองฝ่ายนี้นานเท่าไร? ถ้าพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้า จงติดตามพระองค์ แต่ถ้าพระบาอัลเป็น ก็จงตามท่านไปเถิด” แต่ประชาชนไม่ตอบท่านสักคำเดียว
22. แล้วเอลียาห์พูดกับประชาชนว่า “ข้าพเจ้าผู้เดียวเป็นผู้เผยพระวจนะของพระยาห์เวห์ที่เหลืออยู่ แต่ผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลมี 450 คน
23. ให้พวกเขามอบวัวผู้สองตัวแก่พวกเรา แล้วให้พวกเขาเลือกวัวตัวหนึ่ง สับเป็นท่อนๆ วางไว้บนกองฟืนแต่อย่าใส่ไฟ ส่วนข้าพเจ้าจะเตรียมวัวอีกตัวหนึ่ง แล้ววางไว้บนฟืนและไม่ใส่ไฟ
24. แล้วท่านทั้งหลายจงร้องออกพระนามพระเจ้าของท่าน ส่วนข้าพเจ้าจะร้องออกพระนามพระยาห์เวห์ พระองค์ไหนตอบด้วยไฟ พระองค์นั้นแหละเป็นพระเจ้าแท้” และประชาชนทั้งปวงก็ตอบว่า “อย่างที่พูดก็ดีแล้ว”
25. แล้วเอลียาห์พูดกับพวกผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลว่า “จงเลือกวัวผู้ตัวหนึ่งสำหรับพวกท่านและตระเตรียมก่อน เพราะพวกท่านมีมาก จงร้องออกพระนามพระเจ้าของท่าน แต่อย่าใส่ไฟ”
26. เขาทั้งหลายก็เอาวัวผู้ที่มีคนให้มา และเขาทั้งหลายก็จัดเตรียม และร้องออกพระนามพระบาอัลตั้งแต่เช้าจนเที่ยง กล่าวว่า “พระบาอัล ขอตอบเราเถิด” แต่ก็ไม่มีเสียงและไม่มีใครตอบ แล้วพวกเขาก็เต้นโขยกเขยกอยู่รอบแท่นซึ่งเขาได้สร้างขึ้นนั้น