15. แต่ชายเหล่านั้นดีต่อเรามาก เราไม่ถูกทำร้าย และไม่ขาดสิ่งใดตลอดเวลาที่เราไปกับพวกเขาเมื่อเราอยู่ในทุ่งนา
16. พวกเขาเป็นเหมือนกำแพงของเราทั้งกลางคืนและกลางวัน ตลอดเวลาที่เราเลี้ยงแกะอยู่กับพวกเขา
17. ขณะนี้ขอท่านทราบเรื่องและพิจารณาว่าท่านควรจะทำประการใด เพราะการร้ายถูกกำหนดต่อนายของเราแล้ว และต่อครัวเรือนทั้งสิ้นของนาย นายนั้นเป็นคนอันธพาล ใครจะพูดด้วยก็ไม่ได้”
18. แล้วนางอาบีกายิลก็รีบจัดขนมปัง 200 ก้อน และเหล้าองุ่น 2 ถุงหนัง และแกะที่ทำเสร็จแล้ว 5 ตัว และข้าวคั่ว 17 กิโลกรัม และลูกเกด 100 ช่อและขนมมะเดื่อ 200 แผ่นบรรทุกหลังลา
19. นางก็สั่งพวกคนหนุ่มของนางว่า “จงรีบไปก่อนเรา นี่แน่ะ เราจะตามเจ้าไป” แต่นางไม่ได้บอกนาบาลสามีของนาง
20. เมื่อนางขี่ลาลงมา มีสันเขาบังนางอยู่ นี่แน่ะ ดาวิดกับพวกของท่านกำลังลงมาทางนาง และนางก็พบพวกเขา
21. ดาวิดกล่าวไว้แล้วว่า “ข้าเฝ้าทุกสิ่งที่คนนี้มีอยู่ในถิ่นทุรกันดารเสียเปล่า ไม่มีสิ่งใดของเขาขาดไปเลย และเขาตอบแทนความดีของข้าด้วยความชั่ว
22. เช่นเดียวกับที่พระเจ้าจะทรงลงโทษพวกศัตรูของดาวิด และทรงเพิ่มโทษนั้น ข้าจะไม่ปล่อยให้ชายสักคนในบรรดาที่เขามี เหลืออยู่ถึงพรุ่งนี้เช้า”
23. เมื่อนางอาบีกายิลเห็นดาวิด นางก็รีบลงจากหลังลา ทรุดตัวลงต่อหน้าดาวิด ซบหน้าถึงดินและ
24. นางทรุดตัวลงที่เท้าของดาวิดพูดว่า “เจ้านายของดิฉัน ความผิดนั้นอยู่ที่ดิฉันแต่ผู้เดียว ขอให้สาวใช้ของท่านพูดให้ท่านฟัง และโปรดฟังถ้อยคำของสาวใช้ของท่าน
25. ขอเจ้านายของดิฉันโปรดอย่าได้เอาความกับนาบาลชายร้ายกาจคนนี้เลย เพราะเขาเป็นอย่างชื่อของเขาคือนาบาล และความโง่เขลาก็อยู่กับเขา ส่วนดิฉันสาวใช้ของท่านไม่เห็นพวกคนหนุ่มของเจ้านายซึ่งท่านใช้ไป
26. ดังนั้นเจ้านายของดิฉัน พระยาห์เวห์ทรงพระชนม์อยู่แน่ฉันใด และท่านมีชีวิตอยู่แน่ฉันใด เพราะว่าพระยาห์เวห์ทรงทำให้ท่านระงับเสียจากความผิดที่ทำให้โลหิตตก และจากการแก้แค้นด้วยมือของท่านเอง บัดนี้ขอให้พวกศัตรูของท่าน และพวกที่จะปองร้ายต่อเจ้านายของดิฉันเป็นอย่างนาบาล
27. ของกำนัลนี้ซึ่งสาวใช้ของท่านได้นำมาให้เจ้านายของดิฉัน ขอมอบแก่พวกคนหนุ่มผู้ติดตามเจ้านายของดิฉัน