2. และวันนั้นซาอูลก็ทรงกักตัวดาวิดไว้ ไม่ยอมให้กลับไปบ้านบิดาของเขา
3. แล้วโยนาธานก็ทรงทำพันธสัญญากับดาวิด เพราะพระองค์ทรงรักเขาอย่างกับรักชีวิตของพระองค์
4. โยนาธานก็ทรงถอดเสื้อคลุมที่พระองค์ทรงใส่ พร้อมทั้งเครื่องอาวุธ แม้แต่ดาบ คันธนู และเข็มขัดประทานแก่ดาวิด
5. และดาวิดก็ออกไปทุกแห่งที่ซาอูลทรงใช้ไป เขาประสบความสำเร็จ ดังนั้นซาอูลจึงทรงตั้งเขาให้อยู่เหนือพวกนักรบ สิ่งนี้เป็นที่ชอบในสายตาของประชาชนทั้งปวงและในสายตาของพวกข้าราชการของซาอูลด้วย
6. เมื่อพวกเขากำลังกลับเข้ามา ดาวิดก็กลับจากการฆ่าคนฟีลิสเตีย พวกผู้หญิงก็ออกมาจากเมืองทั้งหมดของอิสราเอล ร้องเพลงและเต้นรำต้อนรับพระราชาซาอูลด้วยรำมะนา ด้วยเพลงร่าเริง และด้วยเครื่องดนตรี
7. และพวกผู้หญิงร้องรับเมื่อเต้นรำกันว่า“ซาอูลฆ่าคนเป็นพันๆและดาวิดฆ่าคนเป็นหมื่นๆ”
8. ซาอูลกริ้วยิ่งนัก คำที่ร้องนี้ไม่เป็นที่พอพระทัยพระองค์เลย พระองค์ตรัสว่า “พวกเขายกย่องดาวิดว่าฆ่าคนเป็นหมื่นๆ ส่วนเราเขาว่าฆ่าแต่เพียงเป็นพันๆ นอกจากราชอาณาจักรแล้ว ดาวิดจะได้อะไรอีกเล่า”
9. ซาอูลก็ทรงจับตาดูดาวิดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นไป
10. ในวันต่อมาวิญญาณชั่วจากพระเจ้าก็เข้าสิงซาอูล ซาอูลก็ทรงเพ้ออยู่ในวังของพระองค์ ดาวิดก็กำลังดีดพิณอย่างที่เขาเคยดีดถวายทุกวันมา ซาอูลทรงถือหอกอยู่
11. และซาอูลก็ทรงพุ่งหอก ด้วยทรงนึกว่า “ข้าจะปักดาวิดให้ติดกับผนังเสีย” แต่ดาวิดก็หนีไปได้ถึงสองครั้ง
12. ซาอูลก็ทรงกลัวดาวิด เพราะว่าพระยาห์เวห์สถิตกับเขา แต่ได้ทรงละจากซาอูลแล้ว