11. ทหารที่อยู่กับท่านทุกคนก็ขึ้นไปแล้วรุกใกล้ตัวเมืองเข้าไป และตั้งค่ายอยู่ด้านเหนือของเมืองอัย มีห้วยคั่นระหว่างเขากับเมืองอัย
12. และท่านจัดคนประมาณห้าพันคน ให้เขาแอบซุ่มอยู่ระหว่างเมือง เบธเอลกับเมืองอัยทางทิศตะวันตกของตัวเมือง
13. ดังนั้นเขาทั้งหลายก็วางกำลังรบให้ กองหลวงอยู่ด้านเหนือของเมือง และกองระวังหลังอยู่ด้านตะวันตกของเมือง ในคืนวันนั้นโยชูวานอนอยู่ในหุบเขา
14. เมื่อกษัตริย์เมืองอัยเห็นดังนั้น ชาวเมืองก็ลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ออกไป สู้รบกับอิสราเอล ณ ที่ปะทะกันหน้าอาราบาห์ ทั้งท่านและประชาชนทั้งหมดของท่าน แต่ท่านไม่ทราบว่ามีกองซุ่มคอยอยู่ต่อสู้ท่านข้างหลังเมือง
15. โยชูวาจึงแสร้งทำเป็นแพ้ฝีมือของเขา แล้วหนีตรงไปยังทางถิ่นทุรกันดาร
16. คนในเมืองทั้งหมดก็ถูกเรียกให้ตามออกไป เมื่อเขาไล่ตามโยชูวาไปนั้นเขา ก็ออกห่างจากเมืองไปทุกที
17. ไม่มีชายสักคนหนึ่งที่เหลืออยู่ในเมืองอัยหรือเมืองเบธเอล ที่มิได้ออกไปไล่ตามอิสราเอล เขาปล่อยให้เมืองเปิดอยู่ไล่ตามอิสราเอลไป
18. แล้วพระเจ้าตรัสสั่งโยชูวาว่า “จงยื่นหอกซึ่งอยู่ในมือของเจ้าออกตรงไปยังเมืองอัย เพราะเราจะมอบเมืองนั้นไว้ในมือของเจ้า” แล้วโยชูวาก็ยื่นหอกซึ่งอยู่ในมือออกไปยังเมืองนั้น
19. ทหารที่ซุ่มอยู่ก็ลุกออกจากที่ซ่อนอย่างรวดเร็ว พอโยชูวายื่นมือของท่านออก ทหารก็วิ่งตรงเข้าไปในเมืองและยึดเมืองไว้ แล้วเขาก็รีบจุดไฟเผาเมือง
20. เมื่อชาวเมืองอัยเหลียวหลังมาดู ดูเถิด ควันไฟที่ไหม้เมืองพลุ่งขึ้นไปยังท้องฟ้า เขาก็หมดกำลังที่จะหนีไปทางนี้หรือทางนั้น เพราะว่าประชาชนที่หนีไปทางถิ่นทุรกันดาร หันกลับมาต่อสู้กับผู้ที่ไล่ตาม
21. และเมื่อโยชูวากับบรรดา อิสราเอลเห็นว่ากองซุ่มยึดเมืองได้แล้ว และควันไฟที่ไหม้เมืองพลุ่งขึ้น เขาก็หันกลับมาโจมตีชาวเมืองอัย
22. คนอื่นๆก็ออกมาจากเมืองสู้รบกับเขา กระทำให้เขาอยู่ระหว่างกลางอิสราเอล ผู้อยู่ข้างนี้บ้างข้างโน้นบ้าง และคนอิสราเอลก็โจมตี เขาจนไม่มีสักคนหนึ่งรอดชีวิตหรือหนีไปได้
23. แต่กษัตริย์เมืองอัยยังเป็นอยู่ ได้ถูกจับและคุมตัวมาหาโยชูวา
24. เมื่ออิสราเอลไล่ฆ่าฟันชาวเมืองอัยในทุ่งใน ถิ่นทุรกันดารที่เขาไล่ตามไปนั้น และคนเหล่านั้นล้มตายหมดด้วยดาบจนคนสุดท้าย บรรดาคนอิสราเอลก็กลับเข้าเมืองอัย โจมตีคนในเมืองด้วยคมดาบ