9. และโยชูวาได้ตั้งศิลาสิบสองก้อนไว้กลางแม่น้ำจอร์แดน ตรงที่ที่เท้าของปุโรหิตผู้หามหีบพันธสัญญายืนอยู่ และศิลาเหล่านั้นก็ยังอยู่จนทุกวันนี้
10. เพราะว่าปุโรหิตผู้หามหีบนั้นได้ยืนอยู่ที่กลางจอร์แดน กว่าสิ่งสารพัดจะสำเร็จตามซึ่งพระเจ้าบัญชาโยชูวา ให้บอกประชาชน ตามซึ่งโมเสสได้บัญชาไว้กับโยชูวาทุกประการแล้วประชาชนก็รีบข้ามไป
11. เมื่อประชาชนข้ามไปหมดแล้ว หีบแห่งพระเจ้าและปุโรหิตก็ข้ามไปต่อหน้าประชาชน
12. คนเผ่ารูเบน คนเผ่ากาด และคนมนัสเสห์กึ่งเผ่าถืออาวุธนำหน้าคนอิสราเอลข้ามไป ตามที่โมเสสได้สั่งเขาไว้
13. มีคนถืออาวุธไว้พร้อมที่จะเข้าสงครามประมาณสี่หมื่นคน ได้ข้ามไปต่อพระพักตร์พระเจ้าเพื่อทำศึกไปถึงที่ราบเขต เมืองเยรีโค
14. ในวันนั้นพระเจ้าทรงยกย่อง โยชูวาต่อหน้าคนอิสราเอลทั้งปวง เขาทั้งหลายก็ยำเกรงท่าน ดังที่เขาเคยยำเกรงโมเสสตลอดชีวิตของท่าน
15. พระเจ้าตรัสกับโยชูวาว่า
16. “จงบัญชาปุโรหิตผู้หามหีบพระโอวาทให้ขึ้นมาจากจอร์แดน”
17. โยชูวาจึงบัญชาแก่ปุโรหิตว่า “จงขึ้นมาจากจอร์แดนเถิด”
18. เมื่อปุโรหิตผู้หามหีบพันธสัญญาแห่งพระเจ้า ขึ้นมาจากกลางจอร์แดน เมื่อฝ่าเท้าของปุโรหิตยกขึ้นเหยียบแผ่นดินแห้ง น้ำในจอร์แดนก็กลับมายังที่เก่าไหลท่วมฝั่งอย่างเดิม
19. ประชาชนได้ขึ้นจากจอร์แดนในวันที่สิบเดือนที่หนึ่ง ไปตั้งค่ายอยู่ที่กิลกาลริมเขตเมืองเยรีโคข้างทิศตะวันออก
20. และศิลาสิบสองก้อนซึ่งเขานำออกมาจากจอร์แดนนั้น โยชูวาก็ได้ตั้งไว้ที่กิลกาล
21. ท่านจึงกล่าวแก่คนอิสราเอลว่า “เวลาภายหน้าเมื่อลูกหลานจะถามบิดาของเขาว่า ‘ศิลาเหล่านี้มีความหมายอะไร’
22. แล้วท่านจงตอบแก่ลูกหลานให้ทราบว่า ‘อิสราเอลได้ข้ามจอร์แดนบนดินแห้ง’
23. เพราะว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทั้งหลายกระทำ ให้แม่น้ำจอร์แดนแห้งไปเพื่อท่าน จนท่านข้ามไปได้หมด ดังที่พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านกระทำแก่ทะเลแดง ทรงกระทำให้แห้งเพื่อเราทั้งหลาย จนเราข้ามไปหมด