23. ท่านจึงกล่าวว่า “เพราะฉะนั้นจงทิ้งพระอื่นซึ่งอยู่ในหมู่พวกท่านนั้นเสีย และโน้มจิตใจของท่านเข้าหา พระเยโฮวาห์พระเจ้าของอิสราเอล”
24. และประชาชนกล่าวแก่โยชูวาว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายจะปรนนิบัติพระเยโฮวาห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์”
25. ดังนั้นโยชูวาก็ได้กระทำพันธสัญญากับประชาชน และวางกฎเกณฑ์และกฎหมายให้แก่เขาในวันนั้นที่เมือง เชเคม
26. และโยชูวาก็จารึกถ้อยคำเหล่านี้ไว้ใน หนังสือธรรมบัญญัติของพระเจ้า และท่านได้เอาก้อนหินใหญ่ตั้งไว้ที่ใต้ต้นก่อ ที่ในสถานนมัสการแห่งพระเจ้า
27. และโยชูวากล่าวแก่ประชาชนทั้งปวงว่า “ดูเถิด ศิลาก้อนนี้จะเป็นพยานปรักปรำเราเพราะ ศิลานี้ได้ยินพระวจนะทั้งสิ้นแห่งพระเจ้า ซึ่งตรัสแก่เราจึงจะเป็นพยานปรักปรำเรา เกลือกว่าท่านจะปฏิเสธพระเจ้าของท่าน”
28. แล้วโยชูวาก็ปล่อยให้ประชาชนกลับ ไปยังที่มรดกของตนทุกคน
29. ภายหลังโยชูวาบุตรนูนผู้รับใช้ของพระเจ้าก็สิ้นชีวิต มีอายุหนึ่งร้อยสิบปี
30. และเขาก็ฝังท่านไว้ในที่ดินมรดกของท่านที่เมือง ทิมนาทเสราห์ ซึ่งอยู่ในแดนเทือกเขาแห่ง เอฟราอิมทิศเหนือของยอดเขากาอัช
31. คนอิสราเอลได้ปรนนิบัติพระเจ้าตลอดสมัยของโยชูวา และตลอดสมัยของพวกผู้ใหญ่ผู้มีอายุยืนนานกว่าโยชูวา และได้ทราบถึงพระราชกิจซึ่งพระเจ้าทรงกระทำเพื่อ อิสราเอล
32. กระดูกของโยเซฟซึ่งชนอิสราเอลนำ มาจากอียิปต์นั้น เขาฝังไว้ที่เมืองเชเคม ในส่วนที่ดินซึ่งยาโคบซื้อไว้จากบุตรหลาน ของฮาโมร์บิดาของเชเคมเป็นเงินหนึ่งร้อย แผ่น ที่นี้ตกเป็นมรดกของพงศ์พันธุ์โยเซฟ