6. และพรมแดนนั้นยื่นไปถึงเบธฮกลาห์ผ่านไปตาม ด้านเหนือของเมืองเบธอารบา และพรมแดนยื่นต่อไปถึงก้อนหินโบฮันบุตรรูเบน
7. และพรมแดนยื่นไปถึงเดบีร์จากหุบเขาอาโคร์ ตรงไปทางทิศเหนือเลี้ยวไปหาเมืองกิลกาล ซึ่งอยู่ตรงข้ามทางข้ามเขาที่ชื่ออาดุมมิม ซึ่งอยู่ทางด้านใต้ของหุบเขาและพรมแดน ก็ผ่านไปถึงน้ำพุเอนเชเมชไปสิ้นสุดลงที่เอนโรเกล
8. แล้วพรมแดนก็ยื่นไปตามหุบเขาบุตรฮินโนม ถึงไหล่เขาด้านใต้ของเมืองคนเยบุส (คือเยรูซาเล็ม) แล้วพรมแดนก็ยื่นไปถึงยอดภูเขา ซึ่งอยู่เหนือหุบเขาฮินโนมทางด้านตะวันตก ที่หุบเขาเรฟาอิมด้านเหนือสุด
9. แล้วพรมแดนก็ยื่นไปจากยอดภูเขาถึงน้ำพุ แห่งลำห้วยเนฟโทอาห์ จากที่นั่นก็มาถึงหัวเมืองแห่งภูเขาเอโฟรน แล้วพรมแดนก็เลี้ยวโค้งไปหาเมืองบาอาลาห์ (คือเมืองคีริยาทยาอาริม)
10. แล้วพรมแดนก็เลี้ยวโค้งจากบาอาลาห์ไปทางทิศ ตะวันตกถึงภูเขาเสอีร์ ผ่านไปตามไหล่เขายาอาริมด้านเหนือ (คือเคสะโลน) ลงไปถึงเมืองเบธเชเมชผ่านเมืองทิมนาห์ไป
11. แล้วพรมแดนก็ยื่นออกไปจากทางไหล่เนินเขา ด้านเหนือของเมืองเอโครน แล้วก็โค้งไปหาเมืองชิกเคโรนผ่านไปถึง ภูเขาบาอาลาห์ออกไปถึงเมืองยับเนเอล และพรมแดนก็มาสิ้นสุดลงที่ทะเล
12. พรมแดนด้านตะวันตก คือทะเลใหญ่ตามฝั่งทะเล นี่เป็นพรมแดนล้อมรอบคนยูดาห์ตามตระกูลของเขา
13. ตามพระดำรัสของพระเจ้าที่ตรัสแก่โยชูวา ท่านยกที่ดินส่วนหนึ่งในเขตของคนยูดาห์ให้ แก่คาเลบบุตรเยฟุนเนห์ คือคีริยาทอารบาที่เรียกเมืองเฮโบรน (อารบาเป็นบิดาของอานาค)
14. และคาเลบได้ขับไล่บุตรทั้งสามของอานาคออกจากที่นั่น คือเชชัย อาหิมานและทัลมัย ผู้เป็นพงศ์พันธุ์ของอานาค
15. และท่านขึ้นไปจากที่นั่นจะต่อสู้กับชาวเมืองเดบีร์ เมืองเดบีร์เดิมมีชื่อว่า คีริยาท เสเฟอร์
16. และคาเลบกล่าวว่า “ผู้ใดโจมตีเมืองคีริยาท เสเฟอร์ และยึดได้ เราจะยกอัคสาห์บุตรสาวของเราให้เป็นภรรยา”
17. และโอทนีเอลบุตรเคนัส น้องคาเลบตีเมืองนั้นได้ ท่านจึงยกอัคสาห์บุตรสาวของท่านให้เป็นภรรยา
18. อยู่มาเมื่อแต่งงานกันแล้ว นางจึงชวนสามีให้ขอที่นาต่อบิดา นางก็ลงจากหลังลา และคาเลบถามนางว่า “เจ้าต้องการอะไร”