17. และพระวจนะของพระองค์มายังข้าพเจ้าว่า
18. “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ยสำหรับเราพงศ์พันธุ์ อิสราเอลกลายเป็นขี้โลหะ เขาทั้งสิ้นเป็นทองสัมฤทธิ์ ดีบุก เหล็ก และตะกั่วในเตาหลอม เขาเป็นขี้โลหะเงินไปหมด
19. เพราะฉะนั้นพระเจ้าตรัสดังนี้ว่าเพราะว่าเจ้า เป็นขี้โลหะไปเสียทั้งสิ้นแล้ว เพราะฉะนั้นดูเถิด เราจะรวบรวมเจ้าไว้ท่ามกลางเยรูซาเล็ม
20. อย่างที่คนเขารวบรวมเงิน ทองสัมฤทธิ์ และเหล็กและตะกั่วและดีบุกไว้ในเตาหลอม เพื่อเอาไฟพ่นรดให้มันละลาย ดังนั้นเราจะรวบรวมเจ้า ด้วยความกริ้วและด้วยความพิโรธของเรา และเราจะใส่เจ้ารวมไว้ให้เจ้าละลาย
21. เราจะรวบรวมเจ้า และเอาเพลิง แห่งความพิโรธของเราพ่นเจ้าและเจ้าจะละลายอยู่ท่ามกลางนั้น
22. เงินละลายอยู่ในเตาหลอมฉันใด เจ้าทั้งหลายจะละลายอยู่ท่ามกลางเพลิงฉันนั้นและเจ้า จะทราบว่า เราคือพระเจ้าได้ระบายความกริ้วของเราออกเหนือเจ้า”
23. และพระวจนะของพระเจ้ามายังข้าพเจ้าว่า
24. “บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย จงพูดกับแผ่นดินนั้นว่า เจ้าเป็นแผ่นดินที่ไม่ได้รับการชำระ หรือฝนมิได้ชะในวันพิโรธ
25. เจ้านายท่ามกลางแผ่นดินนั้นก็เป็นเหมือน สิงห์คำรามฉีกเหยื่ออยู่ เขาทั้งหลายกินชีวิตมนุษย์ เขาริบทรัพย์สมบัติและสิ่งประเสริฐไป เขาได้กระทำให้เกิดหญิงม่ายมีขึ้นมากมาย ท่ามกลางแผ่นดินนั้น
26. ปุโรหิตของเขาได้ละเมิดธรรมบัญญัติของเราและ ได้กระทำปวงสิ่งบริสุทธิ์ของเราให้มลทินไป สิ่งที่บริสุทธิ์และสิ่งที่สาธารณ์เขาก็ไม่แยกให้ต่างกัน เขามิได้สอนความแตกต่างระหว่างของที่มลทินและของสะอาด เขาไม่นำพาวันสะบาโตของเรา ดังนั้นแหละเราจึงหมดเกียรติท่ามกลางเขาทั้งหลาย
27. เจ้านายในท่ามกลางแผ่นดินเป็นเหมือนสุนัขป่าที่ฉีกเหยื่อ ทำให้โลหิตตก ทำลายชีวิตเพื่อจะเอากำไรที่อสัตย์
28. และผู้เผยพระวจนะของแผ่นดินนั้น ก็ฉาบด้วยปูนขาวให้เขาเห็นนิมิตเท็จ และให้คำทำนายมุสาแก่เขา โดยกล่าวว่า ‘พระเจ้าตรัสดังนี้’ ในเมื่อพระเจ้ามิได้ตรัสเลย
29. ราษฎรกระทำการบีบคั้นและกระทำโจรกรรม เออ เขาบีบบังคับคนยากจนและคนขัดสน และบีบคั้นผู้ที่อาศัยอยู่อย่างอยุติธรรม
30. และเราก็แสวงหาสักคนหนึ่งในพวกเขาซึ่งจะสร้าง กำแพงและยืนอยู่ในช่องโหว่ต่อหน้าเราเพื่อแผ่นดินนั้น เพื่อเราจะมิได้ทำลายมันเสีย แต่ก็หาไม่ได้สักคนเดียว
31. ฉะนั้นเราจึงเทความกริ้วของเราลงเหนือเขา เราได้เผาผลาญเขาด้วยเพลิงพิโรธของเรา เราจงลงทัณฑ์ตามการประพฤติของเขาเหนือ ศีรษะเขาพระเจ้าตรัสดังนี้แหละ”