2. เธอไม่ยอมฟังเสียงใดๆและไม่ยอมรับการตีสอนใดๆเธอไม่วางใจในพระเจ้าและเธอไม่เข้ามาใกล้พระเจ้าของเธอ
3. เจ้านายที่อยู่ในเมืองนี้ก็เหมือนสิงห์ที่คำรามผู้พิพากษาของเธอก็เหมือนหมาป่ายามเย็นซึ่งไม่ยอมทิ้งอะไรไว้จนรุ่งเช้า
4. ผู้เผยพระวจนะของเธอเป็นคนพาลเป็นคนทรยศบรรดาปุโรหิตของเธอก็กระทำสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นสาธารณ์เขาฝ่าฝืนต่อธรรมบัญญัติ
5. พระเจ้าผู้ทรงดำรงอยู่ในเมืองนั้นชอบธรรมพระองค์มิได้ทรงกระทำผิดเลยทุกเช้าพระองค์สำแดงความยุติธรรมของพระองค์ทุกรุ่งอรุณมิได้ทรงขาดเลยแต่คนอยุติธรรมไม่รู้จักอาย
6. “เราได้กำจัดประชาชาติทั้งหลายเสียสันปราการของเขาพังทะลายเรากระทำให้ถนนในเมืองนั้นร้างเปล่าไม่มีผู้ใดเดินในนั้นหัวเมืองของเขาถูกทิ้งร้างไม่มีคน ไม่มีชาวเมืองเหลือ
7. เรากล่าวว่า ‘แท้จริง เมืองนั้นคงจะยำเกรงเราเธอจะยอมรับการตีสอนเธอคงจะไม่ทิ้งสายตาไปเสียจากบรรดาสิ่งต่างๆที่เรากำชับเธอ’แต่เขาทั้งหลายยิ่งกลับร้อนใจที่จะให้การกระทำของเขาเสื่อมทราม”
8. พระเจ้าจึงตรัสว่า “เพราะฉะนั้นจงคอยเราคอยวันที่เราลุกขึ้นเป็นพยานเพราะการตกลงใจของเราก็คือจะรวมประชาชาติให้ราชอาณาจักรชุมนุมกันเพื่อเทความกริ้วของเราบนเขาทั้งหลายคือความร้อนแรงแห่งความโกรธของเราเพราะว่าพิภพทั้งสิ้นถูกเผาผลาญในไฟแห่งความหวงแหนของเรา
9. เออ ในคราวนั้น เราจะเปลี่ยนริมฝีปากของชนชาติทั้งหลายให้เป็นริมฝีปากบริสุทธิ์เพื่อว่าทุกคนจะร้องทูลออกพระนามพระเจ้าและปรนนิบัติพระองค์เป็นใจเดียวกัน
10. บุคคลที่ทูลขอต่อเราคือคนของเราที่ถูกกระจัดพลัดพรากไปจะนำเอาเครื่องบูชาของเรามาจากฟากข้างโน้นของแม่น้ำแห่งเอธิโอเปีย
11. “ในวันนั้น เจ้าจะไม่ถูกกระทำให้อับอายด้วยการกระทำซึ่งเจ้าได้กบฏต่อเราเพราะในเวลานั้นเราจะคัดผู้โอ้อวดเห่อเหิมนั้นออกเสียจากท่ามกลางเจ้าเจ้าจึงจะไม่เย่อหยิ่งจองหองในภูเขาบริสุทธิ์ของเราอีกต่อไป
12. เพราะเราจะเหลือแต่คนที่ถ่อมใจและเจียมตัวไว้ในท่ามกลางเจ้าเขาจะแสวงหาที่ลี้ภัยในพระนามแห่งพระเจ้า
13. บรรดาคนที่เหลืออยู่ในอิสราเอลเขาจะไม่กระทำความผิดและไม่กล่าวคำมุสาและในปากของเขานั้นจะหาลิ้นที่ล่อลวงก็ไม่มี เพราะเขาทั้งหลายจะเที่ยวหากินและนอนลงและไม่มีผู้ใดกระทำให้เขากลัวเกรง”
14. “โอ บุตรีแห่งศิโยนเอ๋ย จงร้องเพลงเสียงดังโอ อิสราเอลเอ๋ย จงโห่ร้องเถิดจงเปรมปรีดิ์และลิงโลดด้วยเต็มใจของเจ้าเถิดนะ บุตรีแห่งเยรูซาเล็ม
15. พระเจ้าทรงล้มเลิกการพิพากษาลงโทษเจ้าแล้วพระองค์ทรงขับไล่ศัตรูของเจ้าออกไปแล้วกษัตริย์แห่งอิสราเอลคือพระเจ้าทรงอยู่ท่ามกลางเจ้าเจ้าจะไม่กลัวภัยพิบัติอีกต่อไป
16. ในวันนั้น เขาจะพูดกับเยรูซาเล็มว่า‘โอ ศิโยนเอ๋ย อย่ากลัวเลยอย่าให้มือของเจ้าอ่อนเพลียไป
17. พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าอยู่ท่ามกลางเจ้าเป็นนักรบผู้ประทานความมีชัยพระองค์ทรงเปรมปรีดิ์เพราะเจ้าด้วยความยินดีพระองค์จะทรงรื้อฟื้นเจ้าใหม่ด้วยความรักของพระองค์พระองค์จะทรงเริงโลดเพราะเจ้าด้วยร้องเพลงเสียงดัง
18. ดั่งในวันที่มีการเลี้ยง’เราจะขจัดภัยพิบัติเสียจากเจ้าเพื่อเจ้าจะไม่ต้องทนต่อการเยาะเย้ยเพราะเรื่องนี้
19. ดูเถิด ในคราวนั้นเราจะทำโทษผู้ที่ บีบบังคับเจ้าทุกคนเราจะช่วยคนขาพิการและรวบรวมคนที่ กระจัดกระจายไปและเราจะเปลี่ยนความอับอายของเขาให้เป็นความน่าสรรเสริญและให้เป็นเสียงลือไปในโลก
20. ในคราวนั้น เราจะนำเจ้ากลับเข้ามาคือในคราวที่เรารวบรวมพวกเจ้าเข้าด้วยกันเออ เราจะกระทำให้เจ้ามีชื่อเสียงและเป็นที่สรรเสริญในท่ามกลางบรรดาชนชาติทั้งหลายของโลกคือเมื่อเราให้เจ้ากลับสู่สภาพเดิมต่อหน้าต่อตาเจ้า”พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ