5. บรรดาผู้ที่ซื้อมันไปก็ฆ่ามันเสีย และไม่ต้องมีโทษ และบรรดาคนที่ขายมันกล่าวว่า ‘สาธุการแด่พระเจ้า ข้าพเจ้ามั่งมีแล้ว’ และเมษบาลของมันทั้งหลายไม่สงสารมันเลย
6. พระเจ้าตรัสว่า เพราะเราจะไม่สงสารชาวแผ่นดินนี้อีกต่อไป นี่แน่ะ เราก็จะกระทำให้เขาต่างคนตกเข้าไปในมือของเมษบาลของเขา และต่างก็ตกไปในหัตถ์ของกษัตริย์ของเขา และท่านจะบีบโลกให้แหลก และเราจะไม่ช่วยเหลือคนหนึ่งคนใดให้พ้นมือของท่านทั้งหลายเลย”
7. ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงได้เลี้ยงดูฝูงแพะแกะที่ถูกฆ่าเพื่อเห็นแก่ผู้ที่ค้าแกะ ข้าพเจ้าจึงเอาไม้เท้าสองอัน อันหนึ่งให้ชื่อว่า พระคุณ อีกอันหนึ่งข้าพเจ้าให้ชื่อว่า สหภาพ และข้าพเจ้าก็เลี้ยงดูแกะ
8. ในเดือนเดียวข้าพเจ้าทำลายเมษบาลสามคนนั้นเสีย แต่ข้าพเจ้าเบื่อแกะเสียแล้ว และแกะก็เกลียดชังข้าพเจ้าด้วย
9. ข้าพเจ้าจึงว่า “ข้าจะไม่เลี้ยงดูเจ้า อะไรจะต้องตายก็ให้ตายไป อะไรที่จะต้องถูกทำลายก็ให้ถูกทำลายไป และให้บรรดาที่เหลืออยู่นั้นกินเนื้อซึ่งกันและกัน”
10. ข้าพเจ้าก็เอาไม้เท้าที่ชื่อพระคุณนั้นมาหัก ล้มเลิกพันธสัญญาซึ่งข้าพเจ้าได้ทำไว้กับชนชาติทั้งหลายเสีย
11. จึงเป็นอันล้มเลิกในวันนั้น และบรรดานักค้าแกะ ผู้ซึ่งคอยดูข้าพเจ้าอยู่ก็รู้ว่านั่นเป็นพระวจนะของพระเจ้า
12. แล้วข้าพเจ้าจึงพูดกับเขาว่า “ถ้าท่านเห็นควรก็ขอค่าจ้างแก่เรา ถ้าไม่เห็นควรก็ไม่ต้อง” แล้วเขาก็ชั่งเงินสามสิบเชเขลออกให้แก่ข้าพเจ้าเป็นค่าจ้าง
13. แล้วพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงโยนเงินนั้นเข้าไปในคลัง7” คือเงินก้อนงามที่เขาจ่ายให้ข้าพเจ้า ดังนั้นข้าพเจ้าจึงเอาเงินสามสิบเชเขลโยน7เข้าไปในพระคลัง7 ในพระนิเวศของพระเจ้า
14. แล้วข้าพเจ้าก็หักไม้เท้าอันที่สองที่ชื่อสหภาพ นั้นเสีย ล้มเลิกภราดรภาพระหว่างยูดาห์และอิสราเอล
15. แล้วพระเจ้าจึงตรัสกับข้าพเจ้าว่า “จงหยิบเครื่องใช้ของเมษบาลผู้ไร้ค่าขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
16. เพราะนี่แน่ะ เรากำลังตั้งเมษบาลผู้หนึ่งในแผ่นดินนี้ ผู้ไม่สนใจตัวที่กำลังพินาศ หรือแสวงหาตัวที่ยังหนุ่ม8หรือรักษาตัวที่กระดูกหัก หรือเลี้ยงดูตัวที่เป็นปกติ แต่กินเนื้อของแกะอ้วนทุกตัว ฉีกกินจนกระทั่งถึงกีบของมัน
17. วิบัติแก่เมษบาลผู้ไร้ค่าของเราผู้ที่ทอดทิ้งฝูงแพะแกะเสียขอให้ดาบฟันแขนของเขาและฟันตาขวาของเขาเถิดขอให้แขนของเขาลีบไปเสียและให้ตาขวาของเขาบอดทีเดียว”