3. “เพราะว่ามีประชาชาติหนึ่งออกจากทิศเหนือ ได้มาต่อสู้เมืองนั้น ซึ่งกระทำให้แผ่นดินของเธอเป็นที่ร้างเปล่า และไม่มีสักคนหนึ่งอาศัยในนั้น ทั้งมนุษย์และสัตว์จะหนีไปหมด
4. “พระเจ้าตรัสว่า ในวันเหล่านั้นและในเวลานั้น ประชาชนอิสราเอลและประชาชนยูดาห์จะมารวมกัน มาพลางร้องไห้พลางและเขาทั้งหลายจะแสวงหา พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขา
5. เขาทั้งหลายจะถามหาทางไปศิโยนโดยหันหน้าตรงไปเมืองนั้น กล่าวว่า ‘มาเถิด ให้พวกเรามาติดสนิทกับพระเจ้าโดยทำพันธสัญญาเนือง นิตย์ซึ่งจะไม่ลืมเลย’
6. “ประชากรของเราเป็นแกะที่หลง บรรดาผู้เลี้ยงของเขาทั้งหลายได้พาเขาหลงไป หันเขาทั้งหลายไปเสียบนภูเขา เขาทั้งหลายได้เดินจากภูเขาไปหาเนินเขา เขาลืมคอกของเขาเสียแล้ว
7. บรรดาผู้ที่พบเข้าก็กินเขา และศัตรูของเขาได้กล่าวว่า ‘เราไม่มีความผิด เพราะเขาทั้งหลายได้กระทำบาปต่อพระเจ้าผู้เป็นที่ อยู่อันแท้จริงของเขาทั้งหลาย คือพระเจ้าอันเป็นความหวังของบรรพบุรุษของเขาทั้งหลาย’
8. “จงหนีจากท่ามกลางบาบิโลน จงออกไปเสียจากแผ่นดินของชาวเคลเดีย และเป็นเหมือนแพะตัวผู้นำหน้าฝูง
9. เพราะ ดูเถิด เราจะเร้าและนำบรรดาประชาชาติใหญ่หมู่ หนึ่งจากประเทศเหนือมาต่อสู้บาบิโลน และเขาทั้งหลายจะเรียงรายพวกเขามาต่อสู้กับเธอ ตรงนั้นแหละเธอจะถูกยึด ลูกธนูของเขาทั้งหลายก็เหมือนนักรบที่มีฝีมือผู้ไม่เคยกลับมือเปล่า
10. พระเจ้าตรัสว่า ประเทศเคลเดียจะถูกปล้น บรรดาผู้ที่ปล้นเขาจะอิ่มหนำ
11. “บรรดาผู้ปล้นมรดกของเราเอ๋ย แม้ว่าเจ้าจะเปรมปรีดิ์ แม้ว่าเจ้าจะลิงโลดแม้เจ้าจะระเริงอย่างโคสาวอยู่ที่หญ้าและร้องอย่างม้าพันธุ์ผู้
12. มารดาของเจ้าจะละอายอย่างอดสู และนางที่คลอดเจ้าจะถูกหลู่เกียรตินี่แน่ะ นางจะเป็นบรรดาประชาชาติ ที่รั้งท้ายเป็นถิ่นทุรกันดาร ที่แห้งแล้งและทะเลทราย
13. เมืองนั้นจะไม่มีคนเข้าอาศัย เพราะพระพิโรธของพระเจ้า แต่จะเป็นที่ร้างเปล่าอย่างที่สุดซึ่งคนที่ผ่านเมืองบาบิโลนไปจะตกตะลึงและเยาะเย้ยเพราะรอยตีทั้งสิ้นของเมืองนั้น
14. จงเรียงรายตัวของเจ้าทั้งหลายเข้ามา สู้บาบิโลนให้รอบข้างบรรดาเจ้าที่โก่งคันธนูจงยิงเธอ อย่าเสียดายลูกธนูเพราะเธอได้กระทำบาปต่อพระเจ้า
15. เปล่งเสียงโห่ร้องสู้เธอให้รอบข้างเธอยอมแพ้แล้วเครื่องป้องกันของเธอล้มลงแล้วกำแพงของเธอถูกพังลงมาแล้วเพราะนี่เป็นการแก้แค้นของพระเจ้าจงทำการแก้แค้นเธอทำกับเธออย่างที่เธอได้กระทำมาแล้ว