2. และพูดกับเยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะว่า “ขอให้คำอ้อนวอนของข้าพเจ้าทั้งหลายมาอยู่ต่อหน้าท่าน และขอท่านอธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน เพื่อเราทั้งหลาย เพื่อคนที่เหลืออยู่นี้ทั้งสิ้น (เพราะเรามีเหลือน้อยจากคนมาก ตามที่ท่านเห็นอยู่กับตาแล้ว)
3. ขอพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านสำแดงหนทางแก่เรา ว่าเราควรจะไปทางไหน และขอสำแดงสิ่งที่เราควรจะกระทำ”
4. เยเรมีย์ผู้เผยพระวจนะกล่าวแก่เขาทั้งหลายว่า “ข้าพเจ้าได้ยินท่านแล้ว ดูเถิด ข้าพเจ้าจะอธิษฐานต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน ตามคำขอร้องของท่านทั้งหลาย และพระเจ้าทรงตอบท่านประการใด ข้าพเจ้าจะบอกแก่ท่าน ข้าพเจ้าจะไม่ปิดบังสิ่งใดไว้จากท่านเลย”
5. แล้วเขาทั้งหลายพูดกับเยเรมีย์ว่า “ขอพระเจ้าจงเป็นพยานที่ซื่อสัตย์และ แน่นอนต่อสู้ข้าพเจ้าทั้งหลาย ถ้าข้าพเจ้าทั้งหลายมิได้กระทำตามบรรดา พระวจนะของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านผู้ทรงใช้ท่าน
6. ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ข้าพเจ้าทั้งหลายจะเชื่อฟังพระสุรเสียงของ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเรา ผู้ซึ่งข้าพเจ้าทั้งหลายส่งท่านให้ไปหานั้น เพื่อเราจะอยู่เย็นเป็นสุข เมื่อเราเชื่อฟังพระสุรเสียงแห่งพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเรา”
7. ครั้นสิ้นสิบวันแล้วพระวจนะของพระเจ้ามายังเยเรมีย์
8. แล้วท่านจึงให้ตามตัวโยฮานันบุตรคาเรอาห์และ บรรดาผู้หัวหน้าของกองทหารผู้อยู่กับท่าน และประชาชนทั้งปวงตั้งแต่คนเล็กที่สุดถึงคนใหญ่ที่สุด
9. และบอกเขาว่าพระเยโฮวาห์พระเจ้าแห่งอิสราเอล ผู้ซึ่งท่านได้ใช้ให้ข้าพเจ้านำเอาคำอ้อนวอนของท่าน ไปเสนอพระองค์นั้น ได้ตรัสดังนี้ว่า
10. ถ้าเจ้าทั้งหลายจะอยู่ต่อไปในแผ่นดินนี้ เราจะสร้างเจ้าทั้งหลายขึ้นและไม่ทำลายลง เราจะปลูกเจ้าไว้ และไม่ถอนเจ้าเสียเพราะเราได้กลับใจจาก เหตุร้ายซึ่งเราได้กระทำไปแล้ว
11. อย่ากลัวพระราชาแห่งบาบิโลนผู้ซึ่ง เจ้ากลัวอยู่นั้นพระเจ้าตรัสว่า อย่ากลัวเขาเลย เพราะเราอยู่กับเจ้าทั้งหลาย เพื่อช่วยเจ้าและช่วยกู้เจ้าให้พ้นจากมือของเขา
12. เราจะให้ความกรุณาแก่เจ้า เพื่อเขาจะได้กรุณาเจ้าและยอม ให้เจ้าอยู่ในแผ่นดินของเจ้าเอง
13. แต่ถ้าเจ้าทั้งหลายพูดว่า ‘เราจะไม่อยู่ในแผ่นดินนี้’ โดยไม่เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า
14. และกล่าวว่า ‘ไม่เอา เราจะเข้าไปในแผ่นดินอียิปต์ ที่ซึ่งเราจะไม่เห็นสงคราม จะไม่ได้ยินเสียงเขาสัตว์ จะไม่หิวขนมปัง