6. จงยกธงขึ้นสู่ศิโยนจงรีบหนีไปให้ปลอดภัย อย่ารออยู่เพราะเรานำความร้ายมาจากทิศเหนือและนำการทำลายใหญ่ยิ่งมา
7. สิงห์ตัวหนึ่งได้ออกไปจากซุ้มของมันแล้วและผู้ทำลายเหล่าประชาชาติได้ยกมาแล้วเขาได้ออกไปจากสถานที่ของเขาเพื่อกระทำให้แผ่นดินของเจ้าว่างเปล่าหัวเมืองของเจ้าจะถูกทิ้งร้างปราศจากคนอาศัย
8. ด้วยเหตุนี้ เจ้าจงสวมผ้ากระสอบจงคร่ำครวญและร้องไห้เพราะพระพิโรธอันร้อนแรงของพระเจ้ามิได้หันกลับไปจากเรา”
9. “พระเจ้าตรัสว่า ในวันนั้นทั้งพระราชาและพวกเจ้านายจะหมดกำลังใจ บรรดาปุโรหิตจะตกตะลึงและผู้เผยพระวจนะก็จะ อัศจรรย์ใจ”
10. แล้วข้าพเจ้าจึงทูลว่า “ข้าแต่พระเจ้า พระองค์ทรงล่อลวงชนชาตินี้ และกรุงเยรูซาเล็มแน่นอนทีเดียว ว่า ‘เจ้าทั้งหลายจะอยู่เย็นเป็นสุข’ แต่ที่จริงดาบได้มาถึงชีวิตของเขาทั้งหลาย”
11. ในครั้งนั้น เขาจะกล่าวแก่ชนชาตินี้ และแก่กรุงเยรูซาเล็มว่า ลมร้อนจากที่สูงโล้นในถิ่น ทุรกันดารพัดมาสู่บุตรีประชากรของเรา ไม่ใช่จะมาฝัดหรือมาชำระ
12. กระแสลมที่แรงเกินแก่การนี้ได้มาถึงตามคำของเรา ผู้ที่กล่าวคำตัดสินเขานี้คือ เราเอง”
13. ดูเถิด เขาขึ้นมาเหมือนเมฆรถรบของเขาเหมือนลมบ้าหมูม้าทั้งหลายของเขาเร็วยิ่งกว่านกอินทรีวิบัติแก่เราทั้งหลาย เพราะว่าเราจะต้องพินาศ
14. กรุงเยรูซาเล็มเอ๋ย จงล้างจิตใจของเจ้าให้พ้นจากความชั่วร้ายเพื่อเจ้าจะรอดได้ความคิดชั่วร้ายของเจ้านั้นจะสิงอยู่ในใจของเจ้านานสักเท่าใด
15. เพราะว่ามีเสียงประกาศมาจากเมืองดานและโฆษณาความชั่วร้ายจากภูเขาเอฟราอิม
16. จงเตือนบรรดาประชาชาติว่า เขากำลังมาแล้วจงกล่าวแก่กรุงเยรูซาเล็มว่าบรรดาผู้ล้อมมาจากแผ่นดินไกลเขาทั้งหลายโห่ร้องเข้าใส่หัวเมืองยูดาห์
17. เขาทั้งหลายล้อมยูดาห์ไว้รอบเหมือนผู้ดูแลเฝ้านาเพราะว่ายูดาห์ได้กบฏต่อเรา พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ
18. วิถีและการกระทำทั้งหลายของเจ้าได้นำเรื่องนี้มาเหนือเจ้านี่แหละเป็นเคราะห์กรรมของเจ้าและมันขมขื่นมันมาถึงจิตใจของเจ้าทีเดียว”
19. แสนระทม แสนระทม ข้าก็บิดตัวด้วยความเจ็บปวดโอ ผนังดวงใจของข้าเอ๋ยจิตใจของข้าก็ว้าวุ่นข้าจะนิ่งอยู่ไม่ได้เพราะข้าได้ยินเสียงเขาสัตว์เสียงปลุกของสงคราม
20. ความหายนะไล่ติดตามความหายนะแผ่นดินทั้งสิ้นก็ถูกทิ้งร้างบรรดาเต็นท์ของข้าก็ถูกทำลายในฉับพลันม่านทั้งหลายของข้าก็สิ้นไปในบัดเดี๋ยวเดียว