10. แต่เราเคยอยู่ในเต็นท์ และได้เชื่อฟังและกระทำ ทุกสิ่งซึ่งโยนาดับบิดาของเราได้บัญชาเราไว้
11. แต่เมื่อเนบูคัดเนสซาร์กษัตริย์แห่งบาบิโลนได้ยกมา ต่อสู้กับแผ่นดินนี้ เราพูดว่า ‘มาเถิด ให้เราไปยังกรุงเยรูซาเล็มเพราะกลัวกองทัพคนเคลเดีย และกองทัพคนซีเรีย’ ดังนั้นเราจึงอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม”
12. แล้วพระวจนะแห่งพระเจ้าจึงมาถึงเยเรมีย์ว่า
13. “พระเจ้าจอมโยธาพระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า จงไปบอกบรรดาผู้ชายของยูดาห์ และบอกชาวกรุงเยรูซาเล็มว่า พระเจ้าตรัสว่า เจ้าจะไม่รับคำแนะนำและเชื่อฟังถ้อยคำของเราหรือ
14. คำบัญชาโยนาดับ บุตรเรคาบให้ไว้แก่บุตรชายทั้งหลายของตน ไม่ให้ดื่มเหล้าองุ่นนั้น เขาก็ได้รักษากันไว้แล้ว และเขาทั้งหลายมิได้ดื่มเลยจนถึงวันนี้ เพราะเขาทั้งหลายได้เชื่อฟังคำบัญชาแห่งบิดาของเขา แต่เราได้พูดกับพวกเจ้าอย่างไม่หยุดยั้ง แต่เจ้าทั้งหลายหาได้ฟังเราไม่
15. เราได้ส่งบรรดาผู้รับใช้ของ เราคือผู้เผยพระวจนะมาหาเจ้า ส่งเขามาอย่างไม่หยุดยั้งกล่าวว่า ‘บัดนี้เจ้าทุกคนจงหันกลับจากทางชั่วของตน และแก้ไขการกระทำของเจ้าทั้งหลายเสีย อย่าไปติดสอยห้อยตามพระอื่นเพื่อปรนนิบัติพระเหล่านั้น แล้วเจ้าจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดิน ซึ่งเราได้ประทานแก่เจ้าและบรรพบุรุษของเจ้า’ แต่เจ้ามิได้เงี่ยหูหรือฟังเรา
16. บุตรทั้งหลายของโยนาดับบุตร ของเรคาบได้รักษาคำบัญชาซึ่งบิดาของเขาได้สั่งไว้ แต่ชนชาตินี้ไม่ได้เชื่อฟังเรา
17. เหตุฉะนี้พระเยโฮวาห์พระเจ้าจอมโยธาพระเจ้าแห่ง อิสราเอลตรัสดังนี้ว่า ดูเถิด เราจะนำโทษทั้งสิ้นซึ่งเราประกาศไว้มาเหนือยูดาห์ และบรรดาชาวกรุงเยรูซาเล็ม เพราะว่าเราพูดกับเขาทั้งหลายและเขาก็ไม่ฟัง เราได้เรียกเขาและเขาไม่ขานตอบ”
18. แต่เยเรมีย์ได้พูดกับคนตระกูลเรคาบว่า “พระเจ้าจอมโยธา พระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า เพราะว่าเจ้าได้เชื่อฟังคำบัญชา ของโยนาดับบิดาของเจ้าและถือ รักษาข้อบังคับของท่านทั้งสิ้น และกระทำทุกอย่างที่ท่านบัญชาเจ้า
19. เพราะฉะนั้น พระเจ้าจอมโยธาพระเจ้าแห่งอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า โยนาดับบุตรเรคาบจะไม่ขัดสนผู้ชายที่ยืนอยู่ ต่อหน้าเราเลย”