4. เมื่อตะกี้เจ้าร้องเรียกเรามิใช่หรือว่า‘พระบิดาของข้าพระองค์ พระองค์ทรงเป็นสหายตั้งแต่ข้าพระองค์ยังสาวๆ
5. พระองค์ จะทรงพระพิโรธอยู่เป็นนิตย์หรือพระองค์ จะทรงกริ้วอยู่จนถึงที่สุดปลายหรือ’ดูเถิด เจ้าลั่นวาจาแล้วแต่เจ้าก็ยังกระทำความชั่วช้าทุกอย่างซึ่งเจ้ากระทำได้”
6. พระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าในรัชกาลของพระราชาโยสิยาห์ ว่า “เขาทำอะไรเจ้าเห็นหรือ คืออิสราเอลผู้กลับสัตย์ เขาขึ้นไปบนภูเขาสูงทุกลูก และใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้น แล้วก็ไปเล่นชู้อยู่ที่นั่น
7. และเราคิดว่า ‘เมื่อเขาทำอย่างนี้จนหมดแล้ว เขาจะกลับมาหาเรา’ แต่เขาก็ไม่กลับมา และยูดาห์น้องสาวที่ทรยศนั้นก็เห็น
8. เธอเห็นว่าเพราะการล่วงประเวณีทั้งสิ้น ของอิสราเอลผู้กลับสัตย์ เราได้ไล่เธอไปพร้อมกับให้หนังสือหย่า แต่ยูดาห์น้องสาวที่ทรยศนั้นก็ไม่กลัว เธอก็กลับไปเล่นชู้ด้วย
9. เพราะการแพศยาเป็นการเบาแก่เขามาก เขาก็กระทำให้แผ่นดินโสโครกไป โดยไปล่วงประเวณีกับศิลากับต้นไม้
10. แม้ว่าเขากระทำไปสิ้นอย่างนี้แล้ว ยูดาห์น้องสาวที่ทรยศของเขาก็มิได้ หันกลับมาหาเราด้วยสิ้นสุดใจ แต่แสร้งทำเป็นกลับมา พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ”
11. แล้วพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า “อิสราเอลผู้กลับสัตย์ยังสำแดงตัวว่า มีผิดน้อยกว่ายูดาห์ที่ทรยศ
12. จงไปประกาศถ้อยคำเหล่านี้ไปทางเหนือกล่าวว่า‘พระเจ้าตรัสว่า อิสราเอลผู้กลับสัตย์เอ๋ย กลับมาเถิดเราจะไม่มองดูเจ้าด้วยความกริ้ว เพราะเราประกอบด้วยพระกรุณาคุณ พระเจ้าตรัสดังนี้แหละเราจะไม่กริ้วเป็นนิตย์
13. เพียงแต่ยอมรับความผิดของเจ้าว่าเจ้าได้กบฏต่อพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าและเที่ยวเอาใจพระอื่นที่ใต้ต้นไม้เขียวสดทุกต้นและเจ้ามิได้ฟังเสียงของเราพระเจ้าตรัสดังนี้แหละ
14. พระเจ้าตรัสว่า ลูกหลานที่กลับสัตย์เอ๋ย กลับมาเถิดเพราะเราเป็นนายของเจ้าเราจะรับเจ้าจากเมืองและจากตระกูลละคนสองคนและเราจะนำเจ้ามาถึงศิโยน