9. และเขาทั้งหลายจะตอบว่า “เพราะเขาทั้งหลายได้ละทิ้ง พันธสัญญาของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขา และนมัสการกับปรนนิบัติพระอื่น”
10. อย่าร้องไห้อาลัยแก่ผู้ที่ตายไปอย่าเสียใจด้วยเขาเลยแต่จงร้องไห้ร่ำไรอาลัยผู้ที่ไปแล้วเพราะเขาจะไม่ได้กลับมาเห็นบ้านเกิดเมืองนอนของเขาอีกเลย
11. เพราะพระเจ้าตรัสดังนี้แหละ เกี่ยวกับชัลลูม บุตรโยสิยาห์ กษัตริย์แห่งยูดาห์ ผู้ซึ่งครองราชย์แทนโยสิยาห์ราชบิดา และผู้ที่ไปจากสถานที่นี้ “ท่านจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก
12. ท่านจะสิ้นชีวิต ในที่ซึ่งเขาจับท่านไปเป็นเชลย และท่านจะไม่เห็นแผ่นดินนี้อีกเลย”
13. “วิบัติแก่เขาผู้สร้างวังของตนด้วยความไม่ชอบธรรมและสร้างห้องชั้นบนไว้ด้วยความไม่ยุติธรรมผู้ที่ทำให้เพื่อนบ้านของเขาปรนนิบัติเขาโดยไม่ได้อะไรเลยและมิได้จ่ายค่าจ้างให้แก่เขา
14. ผู้กล่าวว่า ‘เราจะสร้างวังใหญ่อยู่เองกับมีห้องชั้นบนกว้างขวางและเจาะหน้าต่างให้ห้องนั้นและบุฝาผนังด้วยไม้สนสีดาร์และทาด้วยชาด
15. เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นกษัตริย์เพราะเจ้าแข่งไม้สนสีดาร์กันหรือราชบิดาของเจ้ามิได้กินและดื่มและกระทำความยุติธรรมและความชอบธรรมดอกหรือฝ่ายราชบิดาก็อยู่เย็นเป็นสุข
16. เขาพิพากษาคดีของคนจนและคนขัดสนเขาก็อยู่เย็นเป็นสุขทำอย่างนี้เป็นการรู้จักเราหรือพระเจ้าตรัสดังนี้แหละ
17. แต่เจ้ามีตาและใจไว้เพียงมุ่งกำไรอสัตย์ของเจ้าเพื่อหลั่งโลหิตที่ไร้ความผิดให้ถึงตายและเพื่อปฏิบัติการบีบบังคับและความทารุณ”
18. เพราะฉะนั้น พระเจ้าจึงตรัสดังนี้เกี่ยวกับ เยโฮยาคิม ราชบุตรของโยสิยาห์กษัตริย์แห่งยูดาห์ ว่า“เขาทั้งหลายจะไม่โอดครวญอาลัย เขาว่า‘อนิจจา พี่ชายเอ๋ย’ หรือ ‘อนิจจา พี่สาวเอ๋ย’เขาทั้งหลายจะไม่โอดครวญอาลัย เขาว่า‘อนิจจา พระองค์ท่าน’ หรือ ‘อนิจจา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว’
19. ท่านจะถูกฝังไว้อย่างฝังลาคือถูกลากไปโยนทิ้งไว้ข้างนอกประตูเมืองเยรูซาเล็ม”
20. “จงขึ้นไปที่เลบานอน และร้องว่าและจงเปล่งเสียงของเจ้าในเมืองบาชานจงร้องจากอาบาริมเพราะว่าคนรักทั้งสิ้นของเจ้าถูกทำลายเสียแล้ว