2. ก็ให้พวกผู้ใหญ่และผู้พิพากษาของท่านออกมาวัดดูว่า เมืองที่อยู่กับศพผู้ตายนั้นเมืองใดอยู่ใกล้ที่สุด
3. ให้พวกผู้ใหญ่ของเมืองที่อยู่ใกล้ที่สุดนั้นนำโคตัวเมียตัวหนึ่ง ซึ่งยังไม่เคยใช้งานและยังไม่เคยเทียมแอก
4. และให้พวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้น นำโคเมียตัวนั้นไปที่หุบเขาซึ่งมีน้ำไหล ซึ่งไม่มีใครไถหรือหว่านเลย และให้หักคอโคเมียที่หุบเขานั้น
5. และปุโรหิตผู้เป็นบุตรหลานของเลวีจะต้องออกมา ด้วยพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขาได้ทรงเลือก เขาไว้ให้ปรนนิบัติพระองค์ และให้อวยพรในพระนามของพระเจ้า ให้การวิวาทและการทำร้ายทุกเรื่องสิ้นสุด ลงด้วยคำของปุโรหิตเหล่านี้
6. และพวกผู้ใหญ่ของเมืองที่อยู่ใกล้ผู้ถูกฆ่าที่สุดนั้นจะล้างมือ ของเขาทั้งหลายเหนือโคเมียซึ่งถูกหักคอที่ในหุบเขานั้น
7. และเขาจะเป็นพยานว่า ‘มือของเราทั้งหลายมิได้กระทำให้โลหิตของชายผู้นี้ตก และตาของเราทั้งหลายก็มิได้แลเห็นโลหิตของเขาตก
8. ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงลบมลทินบาปชนชาติ อิสราเอลคือประชากรของพระองค์ ผู้ซึ่งพระองค์ได้ทรงไถ่ไว้ ขออย่าทรงถือโทษชนชาติอิสราเอลเนื่องด้วยความ ตายของผู้ไม่มีผิด แต่ขอทรงอภัยโทษอันเนื่องจากความตายนี้ให้แก่เขา’
9. ดังนี้แหละท่านจะกำจัดความผิด อันเนื่องจากความตายของผู้ที่ไม่มีผิดนั้นเสียจากท่ามกลางท่าน เมื่อท่านกระทำสิ่งที่ชอบในสายพระเนตรของพระเจ้า
10. “เมื่อท่านออกไปสู้รบกับศัตรูของท่าน และพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่านทรง มอบเขาไว้ในมือของท่านแล้ว และท่านจับเขามาเป็นเชลย
11. และท่านเห็นหญิงงามคนหนึ่งในหมู่เชลยนั้น และปรารถนาอยากได้มาเป็นภรรยาของท่าน
12. ท่านจงพาหญิงมาไว้ที่เรือนของท่าน ให้นางโกนศีรษะและตัดเล็บมือเสีย
13. และให้นางเปลื้องเครื่องแต่งกายอย่างเชลยออก และให้อยู่ในเรือนของท่าน ให้ไว้ทุกข์ถึงบิดามารดาของนางหนึ่งเดือนเต็ม หลังจากนั้นท่านจึงจะเข้าไปหานางและเป็นสามีของนางได้ และให้นางเป็นภรรยาของท่าน
14. ภายหลังถ้าท่านไม่พอใจนางนั้นเสียแล้ว จงปล่อยนางไปตามแต่นางจะพอใจไปไหน อย่าขายนางเอาเงิน อย่ากระทำกับนางเยี่ยงทาส เพราะท่านได้กระทำให้นางได้อายแล้ว
15. “ถ้าชายคนหนึ่งมีภรรยาสองคน รักคนหนึ่ง ไม่ชอบอีกคนหนึ่ง ภรรยาทั้งสองคือทั้ง คนที่รักและคนที่ไม่ชอบก็มีบุตรด้วยกัน และบุตรหัวปีเป็นบุตรของภรรยาคนที่ตนไม่ชอบ
16. เมื่อถึงวันแบ่งทรัพย์สินให้แก่บุตรเป็นมรดกนั้น อย่าให้เขากระทำแก่บุตรของภรรยาคนที่ตนรัก นั้นอย่างกับเป็นบุตรหัวปี แทนบุตรของภรรยาที่ตนไม่ชอบซึ่งเป็นบุตรหัวปี
17. แต่เขาต้องยอมรับบุตรหัวปีคือบุตรของ ภรรยาคนที่ตนไม่ชอบ โดยแบ่งข้าวของให้แก่บุตรหัวปีสองเท่า เพราะว่าคนนี้เป็นต้นกำลังของบิดา สิทธิของบุตรหัวปีเป็นของเขา
18. “ถ้าชายคนใดมีบุตรที่ดื้อและไม่อยู่ในโอวาท ไม่เชื่อฟังเสียงของบิดาของตนหรือเสียงของมารดาของตน แม้ว่าบิดามารดาจะได้ตีสอน เขาก็ไม่ยอมฟัง
19. ให้บิดามารดาจับตัวเขาให้ออกมาหาพวกผู้ใหญ่ของ เมืองนั้น ณ ประตูเมืองที่เขาอาศัยอยู่
20. และเขาจะพูดกับพวกผู้ใหญ่ของเมืองนั้นว่า ‘บุตรชายของเราคนนี้เป็นคนดื้อดึงและไม่อยู่ในโอวาท ไม่เชื่อฟังเสียงเราเป็นคนตะกละและขี้เมา’
21. แล้วผู้ชายในเมืองนั้นจะเอาหินขว้างเขาให้ตาย ดังนั้นท่านจะได้กำจัดความชั่วเสียจากท่ามกลางท่าน คนอิสราเอลทั้งปวงจะได้ยินและยำเกรง