2. เพราะว่าแท้ที่จริง เราได้รับข่าวอันประเสริฐเช่นเดียวกับเขา แต่ว่าเขาไม่ได้รับประโยชน์จากข่าวอันประเสริฐ เพราะเขาไม่เชื่อ
3. สำหรับเราผู้มีความเชื่อแล้วจะได้เข้าสู่การพำนัก คือการพำนักที่พระองค์ได้ตรัสไว้แล้วว่า “ตามที่เราได้ปฏิญาณด้วยความพิโรธว่า ‘เขาจะไม่ได้เข้าสู่การพำนักซึ่งเราจัดให้’ ” แม้ว่างานของพระองค์จะได้สำเร็จแล้วตั้งแต่สร้างโลก
4. และมีข้อหนึ่งที่ได้กล่าวถึงวันที่เจ็ดดังนี้ว่า ในวันที่เจ็ดนั้น พระเจ้าก็ได้ทรงหยุดพักการงานทั้งสิ้นของพระองค์
5. แต่ในที่เดียวกันกับที่ได้อ้างไว้ข้างบนนั้น มีคำว่า เขาจะไม่ได้เข้าสู่การพำนักซึ่งเราจัดให้
6. ที่จริงยังมีทางเข้าสู่การพำนักนั้น แต่คนเหล่านั้นที่ได้ยินข่าวประเสริฐคราวก่อนไม่ได้เข้า เพราะเขาไม่เชื่อฟัง
7. ดังนั้นพระองค์ได้ทรงกำหนดไว้อีกวันหนึ่งคือ “วันนี้” ตามที่พระองค์ได้ตรัสทางดาวิดในเวลาต่อมานาน ในข้อพระคัมภีร์ที่อ้างมาข้างบนแล้วว่า วันนี้ถ้าท่านทั้งหลายจะฟังพระสุรเสียงของพระองค์ อย่าให้จิตใจของท่านดื้อรั้น
8. เพราะว่าถ้าโยชูวาได้พาเขาเข้าสู่การพำนักนั้นแล้ว พระเจ้าก็คงมิได้ตรัสในภายหลังถึงวันอื่นอีก
9. ฉะนั้นจึงยังมีการพำนักสะบาโตสำหรับชนชาติของพระเจ้า
10. เพราะว่าผู้ใดที่ได้เข้าสู่การพำนักของพระเจ้าแล้ว ก็ได้พักงานของตน เหมือนพระเจ้าได้ทรงพักพระราชกิจของพระองค์
11. เหตุฉะนั้น ขอให้เราทั้งหลายพยายามที่จะได้เข้าสู่การพำนักนั้น เพื่อจะได้ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดหลงไปเหมือนคนที่ไม่เชื่อฟังเหล่านั้น
12. เพราะว่า พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย
13. ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซ่อนไว้พ้นพระเนตรพระองค์ แต่ตรงข้ามทุกสิ่งปรากฏแจ้งต่อพระองค์ผู้ซึ่งเราต้องสัมพันธ์ด้วย
14. เหตุฉะนั้น เมื่อเรามีมหาปุโรหิตผู้เป็นใหญ่ที่ผ่านฟ้าสวรรค์เข้าไปถึงพระเจ้าแล้ว คือพระเยซูพระบุตรของพระเจ้า ขอให้เราทั้งหลายมั่นคงในพระศาสนาของเรา
15. เพราะว่า เรามิได้มีมหาปุโรหิตที่ไม่สามารถจะเห็นใจในความอ่อนแอของเรา แต่ได้ทรงถูกทดลองใจเหมือนอย่างเราทุกประการ ถึงกระนั้นพระองค์ก็ยังปราศจากบาป
16. ฉะนั้นขอให้เราทั้งหลาย จงมีใจกล้าเข้ามาถึงพระที่นั่งแห่งพระคุณ เพื่อเราจะได้รับพระเมตตา และจะได้รับพระคุณที่จะช่วยเราในขณะที่ต้องการ