3. แล้วพระวจนะของพระเจ้าจึงมาถึงโดยทาง ฮักกัยผู้เผยพระวจนะ ว่า
4. “ถึงเวลาแล้วหรือที่ตัวเจ้า เองอาศัยอยู่ในบ้านที่มีไม้บุ แต่ส่วนพระนิเวศนี้ทิ้งให้พังทลาย
5. เพราะฉะนั้นบัดนี้พระเจ้าจอมโยธาจึงตรัสว่า จงพิจารณาดูว่าเจ้ามีความเป็นอยู่อย่างไร
6. เจ้าหว่านมาก แต่เกี่ยวน้อย เจ้ารับประทาน แต่ไม่เคยอิ่ม เจ้าดื่ม แต่ก็ไม่เคยหายอยาก เจ้านุ่งห่ม แต่ก็ไม่มีใครอุ่น ผู้ที่ได้ค่าจ้าง ก็ได้ค่าจ้างมาใส่ถุงที่มีรู
7. “พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า จงพิจารณาดูว่าเจ้ามีความเป็นอยู่อย่างไร
8. พระเจ้าตรัสว่า จงขึ้นไปที่เนินเขาและนำไม้มาสร้างพระนิเวศ เราจะมีความพอใจในพระนิเวศนั้น และเราจะได้รับเกียรติ
9. เจ้าทั้งหลายหวังได้มาก แต่นี่แน่ะก็ได้น้อย และเมื่อเจ้านำผลมาบ้านของเจ้า เราก็เป่ามันไปเสีย พระเจ้าจอมโยธาตรัสว่า ทำไมเป็นอย่างนั้นเล่า ก็เพราะนิเวศของเราพังทลายอยู่ ฝ่ายเจ้าต่างก็สาละวนอยู่กับเรื่องบ้านของตน
10. เพราะฉะนั้น ท้องฟ้าที่อยู่เหนือเจ้าจึงยั้งน้ำค้างไว้เสีย และโลกก็ยึดพืชผลของมันไว้เสีย
11. และเราก็เรียกความแห้งแล้งมาสู่แผ่นดินและเนินเขา มาสู่ข้าว เหล้าองุ่น และน้ำมันมาสู่สิ่งต่างๆ ซึ่งดินอำนวยผล สู่มนุษย์และสัตว์ และมาสู่ผลงานซึ่งมือกระทำไว้”
12. แล้วเศรุบบาเบล บุตรเชอัลทิเอลและโยชูวาบุตรเยโฮซาดักมหาปุโรหิต พร้อมกับประชาชนทั้งปวงที่เหลืออยู่ได้เชื่อฟังพระสุรเสียง ของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขาทั้งหลาย และถ้อยคำของฮักกัยผู้เผยพระวจนะเพราะว่า พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเขาทั้งหลายได้ทรงใช้ท่านมา และประชาชนก็เกรงกลัวพระเจ้า