3. ผู้ครองเมืองของเจ้าทั้งหมดหนีกันไปแล้วเขาถูกจับได้โดยไม่มีคันธนูชายฉกรรจ์ของเจ้าทุกคนถูกจับแม้ว่าเขาได้หนีไปไกลแล้ว
4. เพราะฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงว่า“อย่ามองข้าพเจ้าให้ข้าพเจ้าหลั่งน้ำตาอย่างขมขื่นอย่าอุตส่าห์เล้าโลมข้าพเจ้าเลยเหตุด้วยการทำลายชนชาติของข้าพเจ้า”
5. เพราะพระเจ้าจอมโยธาทรงมีวันหนึ่งเป็นวาระจลาจล วาระเหยียบย่ำ และวาระยุ่งเหยิงในที่ลุ่มแห่งนิมิตคือการพังกำแพงลงและโห่ร้องให้แก่ภูเขา
6. เอลามหยิบแล่งธนูกับรถรบและพลและพลม้าและคีร์ก็เผยโล่
7. ที่ลุ่มที่ดีที่สุดของท่านเต็มไปด้วยรถรบและพลม้าก็เข้าประจำที่ประตูเมือง
8. พระองค์ทรงเอาสิ่งปิดบังยูดาห์ไปเสียแล้วในวันนั้น ท่านได้มองที่ศาสตราวุธแห่งเรือนพนา
9. ได้เห็นช่องโหว่แห่งนครดาวิดว่ามีหลายแห่ง แล้วท่านทั้งหลายก็เก็บน้ำในบ่อล่าง
10. และท่านก็นับเรือนของเยรูซาเล็ม และท่านก็พังเรือนมาเสริมกำแพงเมือง
11. ท่านทำที่ขังน้ำไว้ระหว่างกำแพงทั้งสอง เพื่อรับน้ำของสระเก่า แต่ท่านมิได้มองดูผู้ที่ได้ทรงบันดาลเหตุ และมิได้เอาใจใส่ผู้ทรงวางแผนงานนี้ไว้นานมาแล้ว
12. ในวันนั้น พระเจ้าจอมโยธาทรงเรียกให้ร่ำไห้และคร่ำครวญให้มีศีรษะโล้นและให้คาดตัวด้วยผ้ากระสอบ
13. และ ดูเถิด มีความชื่นบานและความยินดีมีการฆ่าวัวและฆ่าแกะมีการกินเนื้อและดื่มเหล้าองุ่น“ให้เรากินและดื่มเถิดเพราะว่าพรุ่งนี้เราจะตาย”
14. พระเจ้าจอมโยธาได้ทรงสำแดงพระองค์ในหูของข้าพเจ้าว่าแน่ทีเดียวที่จะไม่ลบมลทินบาปอันนี้ให้เจ้าจนกว่าเจ้าจะตาย”พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้
15. พระเจ้าจอมโยธาตรัสดังนี้ว่า “ไปเถิด ไปหาพนักงานคนนี้ ไปยังเชบนา ผู้ดูแลราชสำนัก และจงพูดกับเขาว่า
16. เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่นี่ และเจ้ามีใครอยู่ที่นี่ เจ้าจึงสกัดอุโมงค์ที่นี่เพื่อตัวเจ้าเอง สกัดอุโมงค์ในที่สูง และสลักที่อยู่สำหรับตนเองในศิลา
17. ดูเถิด เจ้าคนแข็งแรงเอ๋ย พระเจ้าจะทรงเหวี่ยงเจ้าออกไปอย่างแรง พระองค์จะฉวยเจ้าให้แน่น
18. และม้วนเจ้า และขว้างเจ้าไปอย่างลูกบอลล์ยังแผ่นดินกว้าง เจ้าจะตายที่นั่น และที่นั่นจะมีรถรบอันตระการของเจ้า เจ้าผู้เป็นที่อดสูแก่เรือนนายของเจ้า
19. เราจะผลักเจ้าออกไปจากตำแหน่งของเจ้า และเจ้าจะถูกดึงลงมาจากหน้าที่ของเจ้า
20. ในวันนั้น เราจะเรียกผู้รับใช้ของเรา คือเอลียาคิม บุตรชายฮิลคียาห์