3. เราจะทำให้ใจของฟาโรห์แข็งกระด้างไป แม้เราจะกระทำหมายสำคัญและอัศจรรย์ให้ทวี มากขึ้นในประเทศอียิปต์
4. ฟาโรห์จะไม่เชื่อฟังเจ้า แล้วเราจะยกมือของเราขึ้นปราบประเทศอียิปต์ และจะพาพลโยธาของเราคือชนชาติอิสราเอล ให้พ้นจากแผ่นดินอียิปต์ด้วยกิจการใหญ่โตอันทรงฤทธิ์
5. ชาวอียิปต์จะรู้ว่าเราคือพระเจ้า ต่อเมื่อเราได้ยกมือขึ้นปราบอียิปต์ และพาชนชาติอิสราเอลออกจากพวกเขา”
6. โมเสสและอาโรนก็กระทำตามนั้น เขากระทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชา
7. เมื่อเขาทั้งสองไปทูลฟาโรห์นั้น โมเสสมีอายุแปดสิบปี และอาโรนมีอายุแปดสิบสามปี
8. พระเจ้าตรัสกับโมเสส และอาโรนว่า
9. “เมื่อฟาโรห์สั่งเจ้าว่า ‘จงแสดงอัศจรรย์พิสูจน์งานของเจ้า’ เจ้าจงพูดกับอาโรนว่า ‘เอาไม้เท้าของท่านโยนลงต่อหน้าฟาโรห์ ไม้เท้าจะได้กลายเป็นงู’ ”
10. โมเสสกับอาโรนจึงเข้าไปเฝ้าฟาโรห์ เขากระทำตามที่พระเจ้าทรงบัญชา อาโรนโยนไม้เท้าลงต่อหน้าฟาโรห์ และข้าราชการทั้งปวง ไม้นั้นก็กลายเป็นงู
11. ฝ่ายฟาโรห์ก็ทรงเรียกพวกนักปราชญ์ และพวกนักวิทยากลมา พวกเขาเป็นพวกนักแสดงกลแห่งอียิปต์ จึงทำได้เหมือนกันด้วยศิลปอันลี้ลับของเขา
12. เมื่อเขาต่างคนต่างโยนไม้เท้าลงไม้เท้าเหล่านั้นก็ กลายเป็นงู แต่ไม้เท้าของอาโรนกลืนไม้เท้าของพวกเขาเสียทั้งหมด
13. ถึงกระนั้นพระทัยของฟาโรห์ ก็กระด้างหายอมเชื่อเขาทั้งสองไม่ จริงดังที่พระเจ้าตรัสไว้แล้ว
14. พระเจ้าตรัสกับโมเสสว่า “ใจของฟาโรห์แข็งกระด้าง ไม่ยอมปล่อยให้ประชากรไป
15. จงไปเฝ้าฟาโรห์ในเวลาเช้า เมื่อเขาไปที่แม่น้ำยืนคอยเขาอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ เอาไม้เท้าที่กลายเป็นงูได้นั้นไปด้วย
16. และกล่าวแก่เขาว่า ‘พระเจ้าของชาวฮีบรูตรัสสั่งให้ข้าพระบาทมาเฝ้า โดยมีพระดำรัสว่า “จงปล่อยประชากรของเราไปนมัสการเราในถิ่นทุรกันดาร จนบัดนี้เจ้าก็ยังหาได้เชื่อฟังไม่”
17. พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า “ท่านจะทราบว่า เราคือพระเจ้าโดยอาศัยการกระทำดังนี้ เราจะเอาไม้เท้าที่ถือไว้นั้นฟาดน้ำลงในแม่น้ำไนล์ น้ำนั้นจะกลายเป็นโลหิต