6. เพื่อให้เข้าใจสุภาษิตและอุปมาทั้งถ้อยคำของปราชญ์และปริศนาของเขา
7. ความยำเกรงพระเจ้า เป็นบ่อเกิดของ ความรู้คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและคำสั่งสอน
8. บุตรชายของเราเอ๋ย จงฟังคำเตือนของพ่อเจ้าและอย่าทิ้งคำสั่งสอนของแม่เจ้า
9. เพราะทั้งสองนั้นเป็นมงคลงามสวมศีรษะของเจ้าเป็นจี้ห้อยคอของเจ้า
10. บุตรชายของเราเอ๋ย ถ้าคนบาปล่อชวนเจ้าอย่าได้ยอมตาม
11. ถ้าเขาว่า “มากับพวกเราเถิด ให้เราหมอบคอยเอาเลือดคนให้เราซุ่มดักคนไร้ผิดเล่นเถิด
12. ให้เรากลืนเขาทั้งเป็นอย่างแดนผู้ตายและกลืนเขาทั้งตัว อย่างคนเหล่านั้นที่ลงไปสู่ปากแดน
13. เราจะพบของประเสริฐทุกอย่างเราจะบรรจุเรือนของเราให้เต็มด้วยของที่ริบได้
14. จงเข้าส่วนกับพวกเราเราทุกคนจะมีเงินถุงเดียวกัน”
15. บุตรชายของเราเอ๋ย อย่าเดินในทางนั้นกับเขาจงยับยั้งเท้าของเจ้าจากวิถีของเขา
16. เพราะว่าเท้าของเขาวิ่งไปหาความชั่วร้ายและเขารีบเร่งไปทำให้โลหิตตก
17. เพราะที่จะขึงข่ายไว้ให้นกเห็น ก็ไร้ผล
18. แต่คนเหล่านี้หมอบคอยโลหิตของตนเองเขาซุ่มดักชีวิตของเขาเอง
19. ทางของบรรดาผู้ที่หากำไรด้วยความทารุณโหดร้าย ก็อย่างนี้แหละคือมันย่อมคร่าเอาชีวิตของเจ้าของนั้นเอง
20. ปัญญาร้องเสียงดังอยู่ที่ถนนเธอเปล่งเสียงของเธอที่ลานเมือง
21. เธอร้องออกมาที่บนกำแพงเธอกล่าวอยู่ที่ทางเข้าประตูเมือง
22. ว่า “คนเขลาเอ๋ย เจ้าจะรักความเขลาไปนานสักเท่าใดคนมักเยาะเย้ยจะปีติยินดีในการเยาะเย้ยนานเท่าใดและคนโง่จะเกลียดความรู้นานเท่าใด
23. จงมาสนใจในคำตักเตือนของเรานี่แน่ะ เราจะเทความคิดของเราให้เจ้าเราจะให้ถ้อยคำของเราแจ้งแก่เจ้า
24. เพราะเราได้เรียกแล้วและเจ้าปฏิเสธเรากวักมือและไม่มีใครสนใจ