14. ฝ่ายพวกทหารถามท่านด้วยว่า “พวกข้าพเจ้าเล่า จะต้องทำประการใด” ท่านตอบเขาว่า “อย่ากรรโชก อย่าใส่ความเพื่อเอาเงิน แต่จงพอใจในค่าจ้างของตน”
15. เมื่อคนทั้งหลายกำลังคอยพระคริสต์อยู่ และได้ใคร่ครวญถึงยอห์นว่า ตัวท่านเป็นพระคริสต์หรือมิใช่
16. ยอห์นจึงตอบเขาทั้งหลายว่า “เราให้เจ้ารับบัพติศมาด้วยน้ำ แต่จะมีพระองค์หนึ่งเสด็จมาทรงมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งกว่าเราอีก ซึ่งเราไม่คู่ควรแม้จะแก้สายฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ
17. พระหัตถ์ของพระองค์ถือพลั่วพร้อมแล้ว เพื่อจะทรงชำระลานข้าวของพระองค์ให้ทั่ว และเพื่อจะเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของพระองค์ แต่พระองค์จะทรงเผาแกลบด้วยไฟที่ไม่รู้ดับ”
18. เหตุฉะนี้ ยอห์นจึงตักเตือนอีกหลายประการ ประกาศข่าวประเสริฐแก่คนทั้งหลาย
19. ฝ่ายเฮโรดเจ้าเมืองเมื่อถูกยอห์นว่าติเตียน เพราะเรื่องนางเฮโรเดียสภรรยาของน้องชาย และเพราะการชั่วทั้งหมดที่เฮโรดได้กระทำนั้น
20. เฮโรดยังทำความชั่วนี้เพิ่มกับที่ได้ทำมาแล้ว คือได้จับยอห์นจำไว้ในคุก
21. อยู่มาเมื่อคนทั้งปวงรับบัพติศมา และพระเยซูทรงรับด้วย ขณะเมื่อทรงอธิษฐานอยู่ ท้องฟ้าก็แหวกออก
22. และพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงรูปสัณฐานเหมือนนกพิราบได้ลงมาบนพระองค์ และพระสุรเสียงมาจากฟ้าสวรรค์ว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก”
23. ฝ่ายพระเยซู เมื่อทรงเริ่มพระราชกิจ พระองค์มีพระชนมายุประมาณสามสิบพรรษา ตามความคาดหมายของคนทั้งหลาย เข้าใจว่าเป็นบุตรโยเซฟ ซึ่งเป็นบุตรเฮลี
24. เฮลีเป็นบุตรมัทธัตๆ เป็นบุตรเลวีๆ เป็นบุตรเมลคี เมลคี เป็นบุตรยันนายๆ เป็นบุตรโยเซฟ
25. โยเซฟเป็นบุตรมัทธาธีอัส มัทธาธีอัส เป็นบุตรอาโมสๆ เป็นบุตรนาฮูมๆ เป็นบุตรเอสลีๆ เป็นบุตรนักกาย
26. นักกายเป็นบุตรมาอาทๆ เป็นบุตรมัทธาธีอัสๆ เป็นบุตรเสเมอินๆ เป็นบุตรโยเสคๆ เป็นบุตรโยดา
27. โยดาเป็นบุตรโยอานันๆ เป็นบุตรเรซาๆ เป็นบุตรเศรุบบาเบลๆ เป็นบุตรเชอัลทิเอลๆ เป็นบุตรเนรี