9. และกลับไปจากอุโมงค์ แล้วบอกเหตุการณ์ทั้งปวงนั้นแก่สาวกสิบเอ็ดคนและคนอื่นๆ ทั้งหลายด้วย
10. ผู้ที่ได้บอกเหตุการณ์นั้นแก่อัครทูต คือมารีย์ชาวมักดาลา โยอันนา มารีย์มารดาของยากอบ และหญิงอื่นๆที่อยู่กับเขา
11. ฝ่ายอัครทูตไม่เชื่อ ถือว่าเป็นคำเหลวไหล
13. วันนั้นเองมีศิษย์สองคนไปยังหมู่บ้านชื่อเอมมาอูส ไกลจากกรุงเยรูซาเล็มประมาณสิบเอ็ดกิโลเมตร
14. เขาสนทนากันถึงเหตุการณ์ซึ่งได้เป็นไปนั้น
15. และเมื่อเขากำลังพูดสนทนากันอยู่ พระเยซูก็เสด็จเข้ามาใกล้ดำเนินไปกับเขา
16. แต่ตาเขาฟางไปและจำพระองค์ไม่ได้
17. พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เมื่อเดินมานี่ท่านโต้ตอบกันถึงเรื่องอะไร” เขาก็หยุดยืนหน้าโศกเศร้า
18. คนหนึ่งชื่อเคลโอปัส จึงทูลถามพระองค์ว่า “ท่านเป็นแขกเมืองอาศัยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็ม แต่คนเดียวหรือที่ไม่รู้เหตุการณ์ทั้งปวง ซึ่งเป็นไปในวันเหล่านี้”
19. พระองค์ตรัสถามเขาว่า “เหตุการณ์อะไร” เขาจึงตอบพระองค์ว่า “เหตุการณ์เรื่องพระเยซูชาวนาซาเร็ธผู้เป็นผู้เผยพระวจนะ ประกอบด้วยฤทธิ์เดชในการงานและในถ้อยคำจำเพาะพระเจ้า และต่อหน้าบรรดาราษฎร
20. และพวกมหาปุโรหิตกับขุนนางทั้งหลายของเรา ได้อายัดท่านไว้ให้ปรับโทษถึงตาย และตรึงท่านที่กางเขน
21. แต่เราทั้งหลายได้หวังใจว่าจะเป็นท่านผู้นั้นที่จะไถ่ชนชาติอิสราเอล ยิ่งกว่านั้นอีก วันนี้เป็นวันที่สามตั้งแต่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้น
22. ยังมีผู้หญิงบางคนในพวกเรา ที่ได้ทำให้เราประหลาดใจ นางได้ไปที่อุโมงค์เมื่อเวลาเช้ามืด
23. แต่ไม่พบพระศพของพระองค์ จึงมาเล่าว่านางได้เห็นนิมิตเป็นทูตสวรรค์ และทูตนั้นบอกว่าพระองค์ทรงพระชนม์อยู่