12. แล้วเจ้าของสวนจึงใช้คนที่สามไป และคนเช่าสวนนั้นก็ทำให้เขาบาดเจ็บ แล้วผลักไสออกไป
13. ฝ่ายเจ้าของสวนองุ่นจึงว่า ‘เราจะทำอย่างไรดี เราจะใช้บุตรที่รักของเราไป เขาคงจะเคารพบุตรนั้น’
14. แต่พวกคนเช่าสวนเมื่อเห็นบุตรนั้นก็ปรึกษากันว่า ‘คนนี้แหละเป็นทายาท ฆ่าเสียเถิด เพื่อมรดกจะตกกับเรา’
15. แล้วเขาก็ผลักบุตรนั้นออกไปนอกสวนฆ่าเสีย เหตุฉะนั้นเจ้าของสวนจะทำอย่างไรกับเขาเหล่านั้น
16. ท่านจะมาฆ่าคนเช่าสวนเหล่านั้นเสีย แล้วจะเอาสวนองุ่นนั้นให้ผู้อื่นเช่า” คนทั้งหลายเมื่อได้ยินดังนั้นจึงว่า “อย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย”
17. ฝ่ายพระองค์ทรงเพ่งดูเขาและตรัสว่า “เหตุฉะนั้นพระวจนะซึ่งเขียนไว้นั้น หมายความอย่างไรกัน ซึ่งว่า ศิลาซึ่งช่างก่อได้ทอดทิ้งเสีย ยังได้เป็นศิลามุมเอกแล้ว
18. ผู้ใดล้มทับศิลานั้น ผู้นั้นจะต้องแตกหักไป แต่ศิลานั้นจะตกทับผู้ใดผู้นั้นจะแหลกละเอียดไป”
19. ฝ่ายพวกธรรมาจารย์และพวกมหาปุโรหิตรู้อยู่ว่า พระองค์ได้ตรัสคำอุปมานั้นกระทบพวกเขาเอง จึงอยากจะจับพระองค์ในเวลานั้น แต่เขากลัวประชาชน
20. เขาจึงตามดูพระองค์ และใช้คนให้ปลอมเป็นเหมือนคนสุจริตไปสอดแนม หวังจะจับผิดในพระดำรัสของพระองค์ เพื่อจะอายัดพระองค์ไว้ในอำนาจและอาชญาของเจ้าเมือง
21. คนเหล่านั้น จึงทูลถามพระองค์ว่า “อาจารย์เจ้าข้า ข้าพเจ้าทั้งหลายทราบอยู่ว่า ท่านกล่าวและสั่งสอนล้วนแต่ความจริง และมิได้เลือกหน้าผู้ใด แต่สั่งสอนทางของพระเจ้าจริงๆ
22. การที่จะส่งส่วยให้แก่จักรพรรดิซีซาร์นั้นควรหรือไม่”
23. ฝ่ายพระองค์ทรงหยั่งรู้อุบายของเขา จึงตรัสแก่เขาว่า
24. “จงให้เราดูเดนาริอันเหรียญหนึ่งเถิด รูปและคำจารึกนี้เป็นของใคร” เขาทูลตอบว่า “ของซีซาร์”
25. แล้วพระองค์ตรัสกับเขาว่า “ของของซีซาร์จงถวายแก่ซีซาร์ และของของพระเจ้าจงถวายแด่พระเจ้า”
26. คนเหล่านั้นจับผิดในพระดำรัสของพระองค์ต่อหน้าประชาชนไม่ได้ และเขาทั้งหลายก็ประหลาดใจในพระดำรัสตอบของพระองค์ จึงนิ่งไป