ลูกา 10:17-36 ฉบับ1971 (TH1971)

17. ฝ่าย​สา‌วก​เจ็ด‍สิบ​คน​นั้น​กลับ​มา​ด้วย​ความ​ปรีดี​ทูล​ว่า “พระ‍องค์​เจ้า‍ข้า ถึง​ผี​ทั้ง‍หลาย​ก็​ได้​อยู่​ใต้​บัง‍คับ​ของ​พวก​ข้า‍พระ‍องค์​โดย​พระ‍นาม​ของ​พระ‍องค์”

18. พระ‍องค์​ตรัส​กับ​เขา​ทั้ง‍หลาย​ว่า “เรา​ได้​เห็น​ซา‌ตาน ตก​จาก​ฟ้า​เหมือน​ฟ้า‍แลบ

19. ดู‍เถิด เรา​ได้​ให้​พวก‍ท่าน​มี​อำ‌นาจ​เหยียบ​งู​ร้าย​และ​แมง‍ป่อง และ​มี​อำ‌นาจ​ใหญ่​ยิ่ง‍กว่า​กำ‌ลัง​ศัตรู ไม่‍มี​สิ่ง‍หนึ่ง​สิ่ง​ใด​จะ​ทำ​อัน‌ตราย​แก่​ท่าน​ได้​เลย

20. แต่​ว่า​อย่า​เปรม‍ปรีดิ์​ใน​สิ่ง​นี้ คือ​ที่​พวก‍ผี​อยู่​ใต้​บัง‍คับ​ของ​พวก​ท่าน แต่​จง​เปรม‍ปรีดิ์ เพราะ​ชื่อ​ของ​ท่าน​จด​ไว้​ใน​สวรรค์”

21. ใน​โมง​นั้น​เอง พระ‍เยซู​ทรง‍มี​ความ​เปรม‍ปรีดิ์​ใน​พระ‍วิญ‌ญาณ​บริ‌สุทธิ์ จึง​ตรัส​ว่า “ข้า‍แต่​พระ‍บิดา ผู้​เป็น​พระ‍เจ้า​แห่ง​ฟ้า​สวรรค์​และ​โลก ข้า‍พระ‍องค์​สรร‌เสริญ​พระ‍องค์ ที่​พระ‍องค์​ได้​ทรง​ปิด​บัง​สิ่ง​เหล่า​นี้​ไว้​จาก​ผู้​มี​ปัญ‌ญา​และ​ผู้‍ฉลาด แต่​ได้​ทรง​สำ‌แดง​ให้​ผู้‍น้อย​รู้ ข้า‍แต่​พระ‍บิดา พระ‍องค์​ทรง​เห็น​ชอบ​ดัง​นั้น

22. “พระ‍บิดา​ของ​เรา​ได้​ทรง‍มอบ​สิ่ง​สาร‌พัด​ให้​แก่​เรา และ​ไม่‍มี​ใคร​รู้​ว่า​พระ‍บุตร​เป็น​ผู้‍ใด​นอก‍จาก​พระ‍บิดา และ​ไม่‍มี​ใคร​รู้​ว่า​พระ‍บิดา​เป็น​ผู้‍ใด​นอก‍จาก​พระ‍บุตร และ​ผู้​ที่​พระ‍บุตร​ประ‌สงค์​จะ​สำ‌แดง​ให้​รู้”

23. พระ‍องค์​ทรง​เหลียว‍หลัง​ทอด‍พระ‍เนตร​เหล่า​สา‌วก ตรัส​เฉพาะ​แก่​พวก​เขา​ว่า “นัยน์ตา​ทั้ง‍หลาย​ที่​ได้​เห็น​การณ์​ซึ่ง​พวก​ท่าน​ได้​เห็น​ก็​เป็น​สุข

24. เพราะ​เรา​บอก​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​ว่า ผู้​เผย​พระ‍วจนะ​หลาย​คน และ​กษัตริย์​หลาย​องค์​ปรารถ‌นา​จะ​เห็น​ซึ่ง​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​เห็น​อยู่​นี้ แต่​เขา​มิ‍ได้​เคย​เห็น และ​อยาก​จะ​ได้​ยิน​ซึ่ง​พวก​ท่าน​ทั้ง‍หลาย​ได้​ยิน แต่​เขา​มิ‍เคย​ได้​ยิน”

25. ดู‍เถิด มี​บา‌เรียน​คน‍หนึ่ง​ยืน​ขึ้น​ทด‍ลอง​พระ‍องค์ ทูล​ถาม​ว่า “อา‌จารย์​เจ้า‍ข้า ข้าพ‌เจ้า​จะ​ต้อง​ทำ​อะไร​เพื่อ​จะ​ได้​ชีวิต​นิรันดร์”

26. พระ‍องค์​ตรัส​ตอบ​ว่า “ใน​ธรรม‍บัญ‌ญัติ​มี​คำ​เขียน​ว่า​อย่าง‍ไร ท่าน​ได้​อ่าน​เข้า‍ใจ​อย่าง‍ไร”

27. เขา​ทูล​ตอบ​ว่า “จง​รัก​พระ‍องค์​ผู้​เป็น​พระ‍เจ้า​ของ​เจ้า​ด้วย​สุด​จิต​สุด​ใจ​ของ​เจ้า ด้วย​สุด​กำ‌ลัง​และ​สิ้น​สุด​ความ​คิด​ของ​เจ้า และ​จง​รัก​เพื่อน​บ้าน​เหมือน​รัก​ตน​เอง”

28. พระ‍องค์​จึง​ตรัส​แก่​เขา​ว่า “ท่าน​ตอบ​ถูก​แล้ว จง​กระ‌ทำ​อย่าง​นั้น​แล้ว​จะ​ได้​ชีวิต ”

29. แต่​คน​นั้น​ปรารถ‌นา​จะ​แก้​ตัว จึง​ทูล​พระ‍เยซู​ว่า “ใคร​เป็น​เพื่อน‍บ้าน​ของ​ข้าพ‌เจ้า”

30. พระ‍เยซู​ตรัส​ตอบ​ว่า “มี​ชาย​คน​หนึ่ง​ลง​ไป​จาก​กรุง​เย‌รู‌ซา‌เล็ม​จะ​ไป​ยัง​เมือง​เย‌รี‌โค และ​เขา​ถูก​พวก​โจร​ปล้น โจร​นั้น​ได้​แย่ง​ชิง​เสื้อ‍ผ้า​ของ​เขา​และ​ทุบ‍ตี แล้ว​ก็​ละ​ทิ้ง​เขา​ไว้​เกือบ​จะ​ตาย​แล้ว

31. เผอิญ​ปุโร‌หิต​คน‍หนึ่ง​เดิน​ลง​ไป​ทาง​นั้น เมื่อ​เห็น​คน​นั้น​ก็​เดิน​เลย​ไป​เสีย​อีก​ฟาก​หนึ่ง

32. คน​หนึ่ง​ใน​พวก​เลวี​ก็​ทำ​เหมือน​กัน เมื่อ​มา​ถึง​ที่​นั่น​และ​เห็น​แล้ว​ก็​เลย​ไป​เสีย​อีก​ฟาก​หนึ่ง

33. แต่​ชาว​สะ‌มา‌เรีย​คน​หนึ่ง เมื่อ​เดิน‍ทาง​มา​ถึง​คน​นั้น ครั้น​เห็น​แล้ว​ก็​มี​ใจ​เมต‌ตา

34. เข้า​ไป‍หา​เขา​เอา​ผ้า​พัน​บาด‍แผล​ให้​พลาง​เอา​น้ำ‍มัน​กับ​เหล้า‍องุ่น​เท​ใส่​บาด‍แผล​นั้น แล้ว​ให้​เขา​ขึ้น​ขี่​สัตว์​ของ​ตน​เอง พา​มา​ถึง​โรง‍แรม​แห่ง‍หนึ่ง และ​รัก‌ษา​พยา‌บาล​เขา​ไว้

35. วัน​รุ่ง‍ขึ้น​เมื่อ​จะ​ไป เขา​ก็​เอา​เงิน​สอง​เด‌นา‌ริ‌อัน​มอบ​ให้​เจ้า‍ของ​โรง‍แรม บอก​ว่า ‘จง​รัก‌ษา​เขา​ไว้​เถิด และ​เงิน​ที่​จะ​เสีย​เกิน​นี้ เมื่อ​กลับ​มา​ฉัน​จะ​ใช้​ให้’

36. ใน​สาม​คน​นั้น ท่าน​คิด‍เห็น​ว่า​คน​ไหน​ปรา‌กฏ​ว่า​เป็น​เพื่อน‍บ้าน​ของ​คน​ที่​ถูก‍ปล้น”

ลูกา 10