21. ท่านถามเราทำไม จงถามผู้ที่ได้ฟังเราว่า เราได้พูดอะไรกับเขา เขารู้ว่าเราสอนอะไร”
22. เมื่อพระองค์ตรัสดังนั้นแล้ว เจ้าหน้าที่คนหนึ่งซึ่งยืนอยู่ที่นั่นได้ตบพระพักตร์พระเยซูแล้วพูดว่า “เจ้าตอบมหาปุโรหิตอย่างนั้นหรือ”
23. พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “ถ้าเราพูดผิดจงเป็นพยานในสิ่งที่ผิดนั้น แต่ถ้าเราพูดถูกท่านตบเราทำไม”
24. อันนาสจึงให้พาพระเยซูซึ่งถูกมัดอยู่ไปหาคายาฟาส ผู้เป็นมหาปุโรหิตประจำการ
25. ขณะนั้นซีโมนเปโตรกำลังยืนผิงไฟอยู่ คนเหล่านั้นถามเปโตรว่า “เจ้าเป็นสาวกของคนนั้นด้วยหรือ” เปโตรปฏิเสธว่า “ไม่เป็น”
26. ทาสคนหนึ่งของมหาปุโรหิตซึ่งเป็นญาติกับคนที่เปโตรฟันหูขาดก็ได้ถามว่า “ข้าเห็นเจ้ากับท่านผู้นั้นในสวนไม่ใช่หรือ”
27. เปโตรปฏิเสธอีกครั้งหนึ่ง และในทันใดนั้นไก่ก็ขัน
28. เขาก็ได้พาพระเยซูออกไปจากบ้านของคายาฟาส ไปยังศาลปรีโทเรียมเป็นเวลาเช้าตรู่ พวกเขาเองไม่ได้เข้าไปในศาลปรีโทเรียม เพื่อไม่ให้เป็นมลทินและจะได้กินปัสกาได้
29. ปีลาตจึงออกมาหาเขาเหล่านั้น แล้วถามว่า “พวกท่านมีเรื่องอะไรมาฟ้องคนนี้”
30. เขาตอบท่านว่า “ถ้าเขาไม่ใช่ผู้ร้าย พวกข้าพเจ้าก็คงจะไม่มอบเขาไว้กับท่าน”
31. ปีลาตกล่าวแก่เขาว่า “พวกท่านจงเอาคนนี้ไปพิพากษาตามกฎหมายของท่านเถิด” พวกยิวจึงเรียนท่านว่า “การที่พวกข้าพเจ้าจะประหารชีวิตคนใดคนหนึ่งนั้น เป็นการผิดกฎหมาย”
32. ทั้งนี้เพื่อให้เป็นจริงตามพระดำรัสของพระเยซู ซึ่งตรัสไว้ว่าพระองค์จะทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร
33. ปีลาตจึงเข้าไปในศาลปรีโทเรียมอีก และเรียกพระเยซูมาทูลถามว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของพวกยิวหรือ”
34. พระเยซูตรัสตอบว่า “ท่านถามอย่างนั้นตามความเข้าใจของท่านเองหรือ หรือว่าคนอื่นบอกท่านถึงเรื่องของเรา”
35. ปีลาตทูลตอบว่า “เราเป็นยิวหรือ ชนชาติของท่านเอง และพวกมหาปุโรหิตได้อายัดท่านไว้กับเรา ท่านทำผิดอะไร”
36. พระเยซูตรัสตอบว่า “ราชอำนาจของเรามิได้เป็นของโลกนี้ ถ้าราชอำนาจของเรามาจากโลกนี้ คนของเราก็คงจะได้ต่อสู้ไม่ให้เราตกอยู่ในเงื้อมมือของพวกยิว แต่ราชอำนาจของเรามิได้มาจากโลกนี้”