29. บุตรคนนั้นตอบว่า ‘ไม่ไป’ แต่ภายหลังกลับใจแล้วไปทำ
30. บิดาจึงไปหาบุตรคนที่สองพูดเช่นเดียวกัน บุตรนั้นกล่าวว่า ‘ไปขอรับ’ แต่ไม่ไป
31. ก็บุตรสองคนนี้คนไหนเป็นผู้ทำตามใจของบิดาเล่า” เขาทูลตอบว่า “คือบุตรคนแรก” พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า พวกเก็บภาษีและหญิงแพศยาก็เข้าในแผ่นดินของพระเจ้าก่อนท่านทั้งหลาย
32. ด้วยยอห์นได้มาหาพวกท่านสอนทางชอบธรรม ท่านหาเชื่อไม่ แต่พวกเก็บภาษีและพวกหญิงแพศยาได้เชื่อ ฝ่ายท่านทั้งหลาย ถึงแม้ได้เห็นแล้วภายหลังก็มิได้กลับใจเชื่อยอห์น
33. “จงฟังคำอุปมาอีกเรื่องหนึ่งว่า ยังมีเจ้าของสวนผู้หนึ่งได้ทำสวนองุ่นแล้วล้อมรั้วไว้รอบ เขาได้สกัดบ่อย่ำองุ่นในสวน และสร้างหอเฝ้า ให้ชาวสวนเช่า แล้วก็ไปต่างประเทศเสีย
34. ครั้นถึงฤดูผลองุ่น จึงใช้พวกบ่าวไปหาคนเช่าสวน เพื่อจะรับผลของเขา
35. แต่คนเช่าสวนนั้นจับคนของเขาเฆี่ยนตีเสียคนหนึ่ง ฆ่าเสียคนหนึ่ง เอาหินขว้างเสียให้ตายคนหนึ่ง
36. อีกครั้งหนึ่งเขาก็ใช้บ่าวอื่นๆไปมากกว่าครั้งก่อน แต่คนเช่าสวนก็ได้ทำแก่เขาอย่างนั้นอีก
37. ครั้งที่สุดเขาก็ใช้บุตรของเขาไปหา พูดว่า ‘เขาคงจะเคารพบุตรของเรา’
38. แต่เมื่อคนเช่าสวนเห็นบุตรเจ้าของสวนมาก็พูดกันว่า ‘คนนี้แหละเป็นทายาท ฆ่าเสียเถิด แล้วก็ยึดมรดกของเขา’
39. เขาจึงพากันจับบุตรนั้นผลักออกไปนอกสวนแล้วฆ่าเสีย
40. เหตุฉะนั้นเมื่อเจ้าของสวนมา ท่านจะทำอย่างไรแก่คนเช่าสวนเหล่านั้น”
41. เขาทั้งหลายทูลตอบว่า “ท่านจะฆ่าคนร้ายเหล่านั้นให้ตายร้าย และจะให้สวนนั้นแก่คนเช่าอื่นที่จะแบ่งผลให้โดยถูกต้องตามฤดูกาลต่อไป”
42. พระเยซูตรัสกับเขาว่า “ท่านทั้งหลายยังไม่ได้อ่านในพระคัมภีร์หรือ ซึ่งว่า ศิลาซึ่งช่างก่อได้ทอดทิ้งเสีย ยังได้เป็นศิลามุมเอกแล้ว การนี้เป็นมาจากพระเจ้า เป็นการมหัศจรรย์ประจักษ์ตาเรา