16. เขาทั้งหลายจึงทูลพระองค์ว่า “ท่านไม่ได้ยินคำที่เขาร้องหรือ” พระเยซูตรัสตอบว่า “ได้ยินแล้ว พวกท่านยังไม่เคยอ่านหรือว่า พระองค์ทรงกระทำให้คำสรรเสริญอันจริงแท้ ออกมาจากปากเด็กและทารกที่ยังไม่หย่านม”
17. พระองค์ได้ทรงละจากเขา และเสด็จออกจากกรุงไปประทับอยู่ที่หมู่บ้านเบธานี
18. ครั้นเวลาเช้า ขณะเสด็จกลับไปยังกรุงอีก ก็ทรงหิวพระกระยาหาร
19. และเมื่อทอดพระเนตรไป ทรงเห็นต้นมะเดื่อต้นหนึ่งอยู่ริมทาง ก็ทรงดำเนินเข้าไปใกล้ เห็นต้นมะเดื่อนั้นไม่มีผลมีแต่ใบเท่านั้น จึงตรัสกับต้นมะเดื่อนั้นว่า “เจ้าจงอย่าผลิผลอีกต่อไป” ทันใดนั้นต้นมะเดื่อก็เหี่ยวแห้งไป
20. ครั้นเหล่าสาวกได้เห็นก็ประหลาดใจ แล้วว่า “เป็นอย่างไรหนอต้นมะเดื่อจึงเหี่ยวแห้งไปในทันใด”
21. ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า เพียงท่านจะมีความเชื่อและมิได้สงสัย ท่านจะกระทำได้เช่นที่เราได้กระทำแก่ต้นมะเดื่อนี้ ยิ่งกว่านั้น ถึงแม้ท่านจะสั่งภูเขานี้ว่า ‘จงลอยไปลงทะเล’ ก็จะสำเร็จได้
22. สิ่งสารพัดซึ่งท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อ ท่านจะได้”
23. เมื่อพระองค์เสด็จเข้าไปในบริเวณพระวิหาร ในเวลาที่ทรงสั่งสอนอยู่ พวกมหาปุโรหิตและพวกผู้ใหญ่ของประชาชนมาหาพระองค์ ทูลถามว่า “ท่านมีสิทธิอันใดจึงได้ทำเช่นนี้ ใครให้สิทธิแก่ท่าน”
24. พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราจะถามท่านทั้งหลายสักข้อหนึ่งเหมือนกัน ถ้าท่านตอบได้ เราจะบอกท่าน ว่าเรากระทำการนี้โดยสิทธิอันใด
25. คือบัพติศมาของยอห์นนั้น มาจากไหน มาจากสวรรค์หรือจากมนุษย์” เขาได้ปรึกษากันว่า “ถ้าเราจะว่า ‘มาจากสวรรค์’ ท่านจะถามเราว่า ‘เหตุไฉนจึงไม่เชื่อยอห์นเล่า’
26. แต่ถ้าเราจะว่า ‘มาจากมนุษย์’ ก็กลัวประชาชน เพราะประชาชนทั้งปวงถือว่ายอห์นเป็นผู้เผยพระวจนะ”
27. เขาจึงทูลตอบพระเยซูว่า “พวกข้าพเจ้าไม่ทราบ” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “เราจะไม่บอกท่านทั้งหลายเหมือนกันว่า เรากระทำการนี้โดยสิทธิอันใด
28. “แต่ท่านทั้งหลายคิดเห็นอย่างไร คนหนึ่งมีบุตรชายสองคน บิดาไปหาบุตรคนแรกว่า ‘ลูกเอ๋ย วันนี้จงไปทำงานในสวนองุ่นเถิด’
29. บุตรคนนั้นตอบว่า ‘ไม่ไป’ แต่ภายหลังกลับใจแล้วไปทำ
30. บิดาจึงไปหาบุตรคนที่สองพูดเช่นเดียวกัน บุตรนั้นกล่าวว่า ‘ไปขอรับ’ แต่ไม่ไป