13. เรากำลังจะทำลายเมืองนี้แล้ว เพราะเสียงร้องกล่าวโทษประชาชนของเมืองนี้ ต่อพระเจ้าดังนักหนา และพระเจ้าทรงใช้เรามาทำลายเมืองนี้เสีย”
14. โลทจึงออกไปพูดกับบุตรเขย ผู้ที่จะแต่งงานกับบุตรหญิงของตนว่า “ลุกขึ้นออกจากที่นี้เถิด เพราะพระเจ้ากำลังจะทำลายเมืองนี้” แต่บุตรเขยของเขากลับหาว่าโลทล้อเล่น
15. ครั้งเวลารุ่งเช้า ทูตสวรรค์จึงชักชวนโลทว่า “ลุกขึ้นพาภรรยาของเจ้า และบุตรหญิงทั้งสองของเจ้าผู้อยู่ที่นี่ไปเสีย เกรงว่าเมื่อเมืองนี้ถูกลงอาชญาให้พินาศ เจ้าจะเสียชีวิตไปด้วย”
16. แต่โลทยังรีรอ ดังนั้นชายทั้งสองจึงคว้ามือเขาและภรรยา และบุตรหญิงทั้งสอง ด้วยพระกรุณาคุณของพระเจ้าที่มีต่อเขา ท่านทั้งสองนำเขาออกมาเสียนอกเมือง
17. เมื่อท่านทั้งสองพาเขาออกมาแล้ว ท่านพูดว่า “หนีเอาชีวิตรอดเถิด อย่าเหลียวหลังหรือหยุด ณ ที่ใดในลุ่มน้ำ หนีไปที่เนินเขา มิฉะนั้นเจ้าจะเสียชีวิต”
18. โลทเรียนท่านทั้งสองว่า “อย่าเลยนาย
19. ดูเถิด ผู้รับใช้ของท่านเป็นที่โปรดปรานในสายตาของท่านแล้ว และท่านได้สำแดงความกรุณาอันยิ่งใหญ่ ในการช่วยชีวิตของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะหนีไปที่เนินเขาไม่ได้ เกรงว่าภัยพิบัตินั้นจะตามทัน และข้าพเจ้าจะตายเสีย
20. ดูซิเมืองโน้นอยู่ใกล้พอที่จะหนีไปถึงได้ และเป็นเมืองเล็ก ขอให้ข้าพเจ้าหนีไปที่นั่น เมืองนั้นเป็นเมืองเล็กๆ แล้วชีวิตของข้าพเจ้าจะรอด”
21. ทูตสวรรค์พูดกับเขาว่า “เราอนุญาตเรื่องนี้ คือเราจะไม่ทำลายเมืองที่เจ้าพูดถึงนั้นเสีย
22. รีบเถิด หนีไปที่นั่น เพราะเราจะทำอะไรไม่ได้จนกว่าเจ้าจะไปถึงที่นั่น” ฉะนั้นเขาจึงเรียกชื่อเมืองนั้นว่าโศอาร์
23. เมื่อโลทมาถึงเมืองโศอาร์ตะวันก็ขึ้นแล้ว
24. แล้วพระเจ้าทรงให้กำมะถันและไฟจากพระเจ้า ตกจากฟ้าลงมาบนเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์
25. และพระองค์ทรงขยี้เมืองเหล่านั้น ลุ่มน้ำทั้งหมด ชาวเมืองทั้งสิ้นและพืชต่างๆ
26. ส่วนภรรยาของโลท ผู้อยู่ข้างหลังโลท เหลียวกลับไปมองดู นางจึงกลายเป็นเสาเกลือไป
27. เวลาเช้ามืดอับราฮัมออกไปยังที่ที่ท่านยืนเฝ้าพระเจ้า
28. ท่านมองลงไปทางเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์ และตรงดินแดนในลุ่มน้ำ ก็เห็นแผ่นดินลุกเป็นควันพลุ่งขึ้นเหมือนควันเตาไฟใหญ่