2. กรุงนั้นร่ำไห้สะอื้นในราตรีกาลและน้ำตาของเธอก็อาบแก้มเธอจะหาใครท่ามกลางคนที่รักเธอให้มาปลอบเธอก็หาไม่พบบรรดาพวกเพื่อนของเธอสิ้นทุกคนได้ทรยศต่อเธอเขาทั้งปวงกลับเป็นศัตรูของเธอ
3. ยูดาห์ได้ถูกกวาดไปเป็นเชลยได้รับความทุกข์ใจต้องทำงานอย่างทาสเธอต้องพำนักอยู่ท่ามกลางประชาชาติทั้งหลายเธอไม่พบที่หยุดพักสงบเลยบรรดาผู้ข่มเหงได้ไล่ทันเธอเมื่อเวลาเธอทุกข์ใจ
4. ถนนหนทางที่เข้ากรุงเยรูซาเล็มก็โศกเศร้าอยู่เพราะไม่มีผู้ใดเดินไปในงานเทศกาลบรรดาประตูเมืองของเธอก็เริศร้างเสียแล้วพวกปุโรหิตทั้งปวงของเธอได้พากันถอนใจสาวพรหมจารีทั้งหลายของเธอก็ต้องทนทุกข์และตัวเธอเองก็ได้รับความขื่นขมยิ่งนัก
5. พวกคู่อริของเธอกลายเป็นหัวหน้าพวกศัตรูของเธอได้จำเริญขึ้นด้วยว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำให้เธอทนทุกข์เพราะความทรยศอันมหันต์ของเธอลูกเต้าทั้งหลายของเธอ ตกไปเป็นเชลยต่อหน้าคู่อริ
6. และความโอ่อ่าตระการได้พรากไปจากธิดาแห่งศิโยนเสียแล้วพวกเจ้านายของเธอก็กลับเป็นดุจฝูงกวางที่หาทุ่งหญ้าเลี้ยงชีวิตไม่ได้และได้วิ่งป้อแป้หนีไปข้างหน้าผู้ไล่ติดตาม
7. เยรูซาเล็มเมื่อตกอยู่ในยามทุกข์ใจและยามลำเค็ญก็ได้หวนระลึกถึงสิ่งประเสริฐที่ตนเคยมีในครั้งกระโน้นเมื่อพลเมืองของเธอตกอยู่ในมือของคู่อริและหามีผู้ใดจะสงเคราะห์เธอไม่พวกคู่อริเห็นเธอแล้วก็เยาะเย้ยความล่มจมของเธอ
8. เยรูซาเล็มได้ทำบาปอย่างใหญ่หลวงเหตุฉะนี้เธอจึงเป็นสิ่งมลทินบรรดาคนที่เคยให้เกียรติเธอก็ลบหลู่เธอเพราะเหตุเขาทั้งหลายเห็นความอัปยศของเธอเออ เธอเองได้ถอนใจยิ่งและหันหน้าของเธอไปเสีย
9. มลทินของเธอก็กรังอยู่ในกระโปรงของเธอและเธอหาได้คำนึงถึงอนาคตของเธอไม่ดังนั้นเธอจึงได้เสื่อมทรามลงเร็วอย่างน่าใจหายเธอก็ไม่มีผู้ใดจะเล้าโลม“ข้าแต่พระเจ้า ขอทอดพระเนตรความทุกข์ใจของข้าพระองค์เพราะพวกศัตรูได้พองตัวขึ้นแล้ว”
10. พวกศัตรูได้ยื่นมือของเขายึดเอาบรรดาของประเสริฐของเธอด้วยเธอได้เห็นบรรดาประชาชาติบุกรุกเข้ามาในสถานนมัสการของเธอคือคนที่พระองค์ได้ทรงห้ามไม่ให้เข้ามาในชุมนุมชนของพระองค์
11. บรรดาพลเมืองของเธอได้ถอนใจใหญ่เมื่อเขาทั้งหลายเสาะหาอาหารและพวกเขาได้เอาทรัพย์สินของตัวออกแลกอาหารกินเพื่อจะได้ประทังชีวิต“ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงทอดพระเนตรเพราะข้าพระองค์เป็นที่เหยียดหยามเสียแล้ว”
12. “ดูก่อน ท่านทั้งหลายที่เดินผ่านไป ท่านไม่เกิดความรู้สึกอะไรบ้างหรือนี่แน่ะ จงดูซิว่ามีความทุกข์อันใดบ้างไหมที่เหมือนความทุกข์ที่มาสู่ข้าพเจ้าเป็นความทุกข์ซึ่งพระเจ้าได้ทรงกระทำแก่ข้าพเจ้าในวันที่พระองค์ทรงกริ้วข้าพเจ้าอย่างเกรี้ยวกราดนั้น
13. “พระองค์ได้ทรงส่งเพลิงลงมาจากเบื้องบนให้เข้าไปในกระดูกทั้งหลายของข้าพเจ้าพระองค์ได้ทรงกางข่ายไว้ดักเท้าของข้าพเจ้าพระองค์ได้ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าต้องหันกลับพระองค์ได้ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าเปล่าเปลี่ยวและอ่อนระอาอยู่วันยังค่ำ
14. “ภาระแห่งการทรยศทั้งมวล ของข้าพเจ้าก็ถูกรวบเข้าเป็นแอกโดยพระหัตถ์ของพระองค์ทรงรวบมัดไว้แอกนั้นรัดรึงรอบคอข้าพเจ้าพระองค์ได้ทรงกระทำให้กำลังข้าพเจ้าถอยไปองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงมอบข้าพเจ้าไว้ ในมือของเขาทั้งหลายซึ่งข้าพเจ้าไม่สามารถต่อต้านได้
15. “องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทิ้งนักรบของข้าพเจ้าท่ามกลางข้าพเจ้าพระองค์ได้ทรงเกณฑ์ชุมนุมชนเข้ามาต่อสู้ข้าพเจ้าเพื่อจะขยี้ชายฉกรรจ์ของข้าพเจ้าให้แหลกไปพระเจ้าได้ทรงย่ำลูกสาวพรหมจารีแห่งยูดาห์ดั่งเหยียบผลองุ่นลงในบ่อย่ำองุ่น
16. “เพราะเหตุนี้เอง ที่ข้าพเจ้าร้องไห้นัยน์ตาของข้าพเจ้า เออ นัยน์ตาของข้าพเจ้ามีน้ำตาไหลลงมาเพราะผู้ปลอบโยนอยู่ไกลจากข้าพเจ้าคือผู้ที่ปลุกใจข้าพเจ้าและเหล่าลูกของข้าพเจ้าก็เปล่าเปลี่ยวเพราะพวกศัตรูได้ชัยชนะ”