13. “พระองค์ได้ทรงส่งเพลิงลงมาจากเบื้องบนให้เข้าไปในกระดูกทั้งหลายของข้าพเจ้าพระองค์ได้ทรงกางข่ายไว้ดักเท้าของข้าพเจ้าพระองค์ได้ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าต้องหันกลับพระองค์ได้ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าเปล่าเปลี่ยวและอ่อนระอาอยู่วันยังค่ำ
14. “ภาระแห่งการทรยศทั้งมวล ของข้าพเจ้าก็ถูกรวบเข้าเป็นแอกโดยพระหัตถ์ของพระองค์ทรงรวบมัดไว้แอกนั้นรัดรึงรอบคอข้าพเจ้าพระองค์ได้ทรงกระทำให้กำลังข้าพเจ้าถอยไปองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงมอบข้าพเจ้าไว้ ในมือของเขาทั้งหลายซึ่งข้าพเจ้าไม่สามารถต่อต้านได้
15. “องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงทิ้งนักรบของข้าพเจ้าท่ามกลางข้าพเจ้าพระองค์ได้ทรงเกณฑ์ชุมนุมชนเข้ามาต่อสู้ข้าพเจ้าเพื่อจะขยี้ชายฉกรรจ์ของข้าพเจ้าให้แหลกไปพระเจ้าได้ทรงย่ำลูกสาวพรหมจารีแห่งยูดาห์ดั่งเหยียบผลองุ่นลงในบ่อย่ำองุ่น
16. “เพราะเหตุนี้เอง ที่ข้าพเจ้าร้องไห้นัยน์ตาของข้าพเจ้า เออ นัยน์ตาของข้าพเจ้ามีน้ำตาไหลลงมาเพราะผู้ปลอบโยนอยู่ไกลจากข้าพเจ้าคือผู้ที่ปลุกใจข้าพเจ้าและเหล่าลูกของข้าพเจ้าก็เปล่าเปลี่ยวเพราะพวกศัตรูได้ชัยชนะ”
17. เมืองศิโยนได้เหยียดมือทั้งสองออกวิงวอนแต่ก็ไม่มีใครที่เล้าโลมเธอได้พระเจ้าทรงมีพระบัญชากล่าวโทษยาโคบว่าให้พวกที่อยู่ล้อมรอบยาโคบตั้งตัวขึ้นเป็นคู่อริเยรูซาเล็มเป็นสิ่งโสโครกท่ามกลางเขาทั้งหลาย
18. “พระเจ้าทรงชอบธรรมแล้วเพราะข้าพเจ้าได้ขัดขืนพระบัญญัติของพระองค์ดูก่อน บรรดาชนชาติทั้งหลายข้าพเจ้าขอท่านได้ฟังและขอมามองดูความทนทุกข์ของข้าพเจ้าสาวพรหมจารีของข้าพเจ้า และหนุ่มๆของข้าพเจ้าตกไปเป็นเชลยแล้ว