12. เขาจึงเรียกบารนาบัสว่า พระซุส และเรียกเปาโลว่า พระเฮอร์เมส เพราะเปาโลเป็นคนพูด
13. ปุโรหิตประจำรูปพระซุสซึ่งตั้งอยู่หน้าเมืองได้จูงโค และถือพวงมาลัยมายังประตูเมือง หมายจะถวายเครื่องบูชาด้วยกันกับประชาชน
14. แต่เมื่ออัครทูตบารนาบัสกับเปาโลได้ยินดังนั้น จึงฉีกเสื้อผ้าของตนเสียวิ่งเข้าไปท่ามกลางคนทั้งหลายร้องว่า
15. “ดูก่อนท่านทั้งหลาย เหตุไฉนจึงทำการอย่างนี้ เราเป็นคนธรรมดาเช่นเดียวกันกับท่านทั้งหลาย และมากล่าวข่าวประเสริฐให้ท่านกลับจากสิ่งไร้ประโยชน์เหล่านี้ ให้ท่านมาหาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ ผู้ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก และทะเลและสิ่งสารพัด ซึ่งมีอยู่ในที่เหล่านั้น
16. ในกาลก่อน พระองค์ได้ทรงยอมให้บรรดาประชาชาติประพฤติตามชอบใจ
17. แต่พระองค์มิได้ทรงให้ขาดพยาน คือพระองค์ได้ทรงกระทำคุณให้ฝนตกจากฟ้าและให้มีฤดูเกิดผล ท่านทั้งหลายจึงอิ่มใจยินดีด้วยอาหาร”
18. แม้จะได้กล่าวคำเหล่านั้นแล้ว อัครทูตก็ยังห้ามหมู่ชน มิให้เขากระทำสักการบูชาถวายแก่ท่านทั้งสองนั้นได้โดยยาก
19. แต่มีพวกยิวบางคนมาจากเมืองอันทิโอก และเมืองอิโคนียูม เมื่อได้ชักชวนประชาชนแล้ว เขาก็ได้เอาหินขว้างเปาโล และลากท่านออกไปจากเมือง คิดว่าท่านตายแล้ว
20. แต่พวกสาวกได้ล้อมท่านไว้ แล้วท่านก็ลุกขึ้นเข้าไปในเมือง วันรุ่งขึ้น จึงเลยไปยังเมืองเดอร์บีกับบารนาบัส
21. ท่านทั้งสองได้ประกาศข่าวประเสริฐในเมืองนั้น และได้คนมาเป็นสาวกมาก จึงกลับไปยังเมืองลิสตรา เมืองอิโคนียูม และเมืองอันทิโอก